สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

กุหลาบ ราชินีแห่งมวลบุปผา

กุหลาบ เป็นไม้ดอกที่มีทั้งแบบไม้เลื้อยและไม้พุ่ม มีหนามบริเวณลำต้นและกิ่ง ดอกมีหลายสีแล้วแต่พันธุ์แต่ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นหอม บางพันธุ์ให้ดอกเป็นช่อ บางพันธุ์ให้ดอกเดี่ยว ดอกกุหลาบถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักตามความเชื่อของชาวโรมัน ที่นิยมนำดอกชนิดนี้มาใช้เป็นของขวัญในการมอบให้แก่แขกผู้มีเกียรติในงานเฉลิมฉลองต่างๆ และเชื่อเป็นดอกประจำตัวของเทพเจ้าวีนัส เทพธิดาแห่งความรักนั่นเองครับ

การแบ่งประเภทของดอกกุหลาบตัดดอกเชิงพาณิชย์นั้น อาจแบ่งกันไปตามลักษณะของดอกเป็นกุหลาบก้านยาวดอกใหญ่ ที่มีวิธีการดูแลที่ค่อนข้างพิถีพิถันเป็นพิเศษ ให้ดอกไม่เกิน 150 ดอกต่อตารางเมตร แต่เป็นที่นิยมในประเทศฝั่งตะวันตก แม้ว่าจะมีอายุการปักแจกันไม่ยาวนักก็ตาม ในประเทศแถบยุโรปจึงมีการพัฒนาพันธุ์กุหลาบก้านขนาดกลางที่สามารถอยู่ในแจกันได้นาน ให้ดอกมาก และทนทานกว่าพันธุ์ก้านยาวดอกใหญ่ สามารถขนส่งได้ไกลขึ้น และพันธุ์ก้านสั้นซึ่งมีอายุการปักแจกันยาวนานมาก เพื่อให้เหมาะสมกับการส่งออกมากยิ่งขึ้น

กุหลาบจัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับ ที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงาม สร้างบรรยากาศที่ดีในสวนและตกแต่งบ้าน แต่ในเชิงพาณิชย์นอกจากปลูกเพื่อตัดดอกขายแล้วยังมีการนำดอกกุหลาบไปสกัดน้ำมันหอมระเหย เพื่อใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง น้ำหอม และอบแห้งเพื่อชงดื่มเป็นชาสุขภาพที่มีกลิ่นหอมจางๆ

การปลูกดอกกุหลาบเพื่อตัดดอกขายในประเทศไทยเรานั้น มักจะปลูกในแถบที่สูง ในเขตภาคเหนือของประเทศ เพราะมีภูมิอากาศที่เอื้อต่อการปลูกกุหลาบที่เจริญเติบโตได้เต็มที่ในอากาศเย็น การขยายพันธุ์สามารถทำได้ทั้งกิ่งตอนและการตัดชำ โดยการตัดชำเป็นที่นิยมที่สุดเพราะได้ผลเร็ว ซึ่งจะต้องเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ไม่แก่และไม่อ่อนเกินไป ตัดบริเวณใต้ข้อ เฉือนโคนและใบทิ้ง แล้วนำไปชุบฮอร์โมนเพื่อเร่งให้แตกรากไวขึ้น ตากให้แห้งก่อนนำไปปักชำแล้วให้ละอองหมอก เพื่อไม่ให้ใบขาดน้ำ เพราะกุหลาบเป็นพืชที่ต้องการความชื้นมาก แต่ห้ามรดน้ำบริเวณใบเพื่อป้องกันโรคบนใบไม้แพร่กระจายตัว และต้องระวังไม่ให้น้ำกระทบดินแรง จนดินกระเด็นไปโดนใบ เพราะในดินอาจมีเชื้อโรคที่ส่งผลต่อกุหลาบได้

การปลูกดอกกุหลาบต้องเน้นพื้นที่ที่รับแสงแดดให้ได้ประมาณวันละ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เราจึงต้องระมัดระวังเรื่องความชื้นในดินที่อาจจะระเหยออกไปได้ การคลุมดินด้วยฟางหรือวัสดุคลุมดินที่เริ่มย่อยสลายตัวแล้ว เพื่อช่วยอุ้มความชื้นในดินและทำให้อุณหภูมิของดินต่ำลงด้วย และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้โคนต้นได้รับแสงแดด ดอกจะได้มีขนาดใหญ่สมบูรณ์เต็มที่ครับ ทำได้ตามนี้เติมปุ๋ยดีๆ รอตัดดอกขายได้เลยครับผม

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook