สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ข้าวฟ่าง ธัญพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

ข้าวฟ่าง เป็นเมล็ดธัญพืช ที่เกิดจากต้นหญ้าชนิดหนึ่ง อยู่ตระกูลเดียวกันกับต้นข้าวโพด ด้วยความที่เป็นหญ้าจึงมีการงอกและเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงทำให้เราพบว่าเกษตรกรเลือกปลูกต้นข้าวฟ่างเป็นพืชผสมผสานในการปลูกหลังนาสลับกับข้าวโพด

ข้าวฟ่าง มีต้นกำเนิดอยู่ในพื้นที่แห้งแล้งโซนแอฟริกา และเริ่มขยายตัวไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ โดยการนำติดตัวเป็นเสบียงระหว่างที่ชาวแอฟริกันต้องเดินทางไปยังประเทศต่างๆ โดยเข้ามาในประเทศมากกว่า 2 ศตวรรษ และประเทศไทยเราได้ผลิตเมล็ดข้าวฟ่างส่งออกไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ให้แก่หลายประเทศ ทำให้ข้าวฟ่างกลายเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของไทย

ข้าวฟ่าง ธัญพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

สรรพคุณ ข้าวฟ่าง คือ ใช้ทานเพื่อกระชากวัย เพราะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเส้นเลือดตีบ ซงสามารถนำมาข้าวฟ่างมาเป็นปรุงเป็นอาหารคาว อาหารหวาน หรือเครื่องดื่มได้ ว่าด้วยเรื่องของประโยชน์ต่อสุขภาพกันแบบลงลึกกันเลยนะครับ ข้าวฟ่างพันธุ์ที่มีชื่อว่าพันธุ์ไข่มุกและพันธุ์หางกระรอก มีสารแทนนินและมีฟลาโวนอยสูง ซึ่งช่วยชะลอวัยและปรับฮอร์โมนได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ที่มาจากหลอดเลือดตีบได้ด้วย และข้าวฟ่างเป็นเมล็ดพืชที่น้ำตาลต่ำและมีไฟเบอร์สูง จึงเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำตาล

ประเทศไทยเราให้ความสำคัญกับข้าวฟ่างมาก โดยได้มีการ วิจัย ข้าวฟ่าง ปรับปรุงพันธุ์ เพราะธัญพืชชนิดนี้มีความสำคัญในระดับ Top 5 ของโลกเลยครับ เราใช้ประโยชน์ได้ทั้งลำต้นและเมล็ด โดยเมล็ดนำมาใช้เป็นอาหารของคนและสัตว์ ส่วนข้าวฟ่างหญ้านั้นจะนำใบและลำต้นไปหมักหรือตากแห้งใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ และยังมี ข้าวฟ่างหวาน ที่สามารถสกัดเอาน้ำหวานจากลำต้นมาหมักเป็นแอลกอฮอล์หรือน้ำตาลได้ นอกจากเรื่องของการนำมาบริโภคในคนและสัตว์ ยังสามารถนำข้าวฟ่างพันธุ์ไม้กวาดมาผลิตเป็นไม้กวาดคุณภาพพรีเมี่ยมเพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

เรื่องของความทนทานของอากาศนั้น ข้าวโพดสู้ข้าวฟ่างไม่ได้ครับ เพราะข้าวฟ่างทนแล้งได้มากกว่าเกือบเท่าตัว ดูดซึมน้ำและสารอาหารและเก็บรักษาไว้ในลำต้นได้ดี เพราะมีแว๊กซ์เคลือบอยู่รอบต้นทำให้ลดอัตราการระบายน้ำได้ แต่ก็ยังพบว่าเพื่อนๆ เกษตรกรไทยเราไม่ค่อยนิยมปลูกข้าวฟ่างกันนะครับ

การปลูกข้าวฟ่าง มักปลูกกันในช่วงสิงหาคม เพาะต้นให้ห่างกัน 10 เซนติเมตร ยกร่องแปลง กันน้ำขังไว้ด้วยนะครับ เพื่อเมล็ดข้าวฟ่างจะได้ได้ขนาดที่ดี หมั่นกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ รอจนเมล็ดแก่มีสีเข้ม ใบเริ่มออกสีน้ำตาล ก็เริ่มทำการเก็บเกี่ยวด้วยเคียว แล้วนำออกตากให้แห้งแล้วจึงสีเปลือกออก

การปลูกข้าวฟ่างนั้นง่ายกว่าข้าวโพดครับ ลองศึกษากันดูนะคับ เผื่อเป็นช่องทางในการเพิ่มผลผลิตใหม่ๆ ในพื้นที่ครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook