สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ดินทราย แก้ไขได้อย่างยั่งยืน ด้วยวิถีเกษตรแบบผสมผสาน

ดินทราย คือ ปัญหาของเนื้อดินชนิดหนึ่ง ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เพื่อนๆ เกษตรกรเจ้าของที่ดินเพราะผืนดินทรายนั้นจะแห้งแล้ง ไม่อุดมสมบูรณ์ ทำให้เจ้าของที่ดินไม่ค่อยมีทางเลือกมากนัก ที่จะปลูกพืชได้หลากหลายชนิดอย่างที่ใจต้องการ หรืออย่างที่ตลาดต้องการได้ เพราะพืชส่วนใหญ่ไม่อาจทนต่อเนื้อดินที่แห้งแล้ง แม้จะปลูกได้แต่ก็ให้ผลผลิตไม่สมบูรณ์และไม่คุ้มค่า ซึ่งเป็นเพราะเนื้อดินทรายไม่อุ้มน้ำ ไม่กักเก็บความชื้น รากของพืชที่ปลูกในดินทรายจึงไม่สามารถดูดซึมน้ำได้อย่างเต็มที่ ต่างจากเนื้อดินเหนียว และเนื้อดินร่วนที่อุ้มน้ำได้ดีและยาวนานกว่า ซึ่งเนื้อดินเหล่านี้เกิดจากการรวมตัวกันของตะกอนขนาดเล็กในดิน มีชื่อเรียกว่าอนุภาคดิน ซึ่งแบ่งตามขนาด ได้ 3 ชนิด คือ

1. อนุภาคทราย มีขนาดใหญ่และเนื้อหยาบที่สุด

2. อนุภาคทรายแป้ง มีขนาดเล็กกว่าอนุภาคทราย

3. อนุภาคดินเหนียว มีขนาดเล็กที่สุด

เมื่ออนุภาคดินทั้ง 3 ชนิดรวมเข้าด้วยกันจะเกิดเป็นเนื้อดินชนิดต่างๆ ตามสัดส่วนที่ผสมกัน เช่น “ดินร่วน” มีอนุภาคทราย 40% อนุภาคทรายแป้ง40% อนุภาคดินเหนียว 20% หรือ “ดินเหนียว” ก็จะมีอนุภาคดินเหนียว 80% ส่วน “ดินทราย” ก็จะมีอนุภาคทราย สูงถึง 80% จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ “เนื้อดินทราย” อุ้มน้ำไม่ได้ เพราะการมีอนุภาคทราย ที่มีขนาดใหญ่สูงถึง 80% ทำให้เนื้อดินทรายหยาบร่วนเป็นเม็ดและไม่หนาแน่นพอที่จะจับตัวยึดติดกันเป็นก้อนได้นาน นอกจากนี้ อนุภาคทราย เกิดขึ้นจากการสลายตัวของหินทราย ที่มีแร่ธาตุอาหารของพืชอยู่น้อยมาก จึงทำให้เนื้อดินทรายไม่อุดมสมบูรณ์ ถ้าไม่นับรวมกับปัญหาดินเค็มดินเปรี้ยวแล้ว ถือว่าดินทรายไม่เหมาะกับการปลูกพืชมากที่สุด

แต่สำหรับเพื่อนๆเกษตรกรที่มีปัญหาที่ดินเป็นดินทราย หากพื้นที่นั้นอยู่ในเขตชลประทานหรือบริเวณนั้นมีแหล่งน้ำสมบูรณ์เพียงพอ การแก้ปัญหาดินทรายให้กลายมาเป็นดินร่วนซุยที่อุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกพืชอะไรก็ได้นั้น สามารถทำได้ไม่ยากลำบาก แต่จำเป็นจะต้องใช้เงินทุนสูงและเสียเวลานานในการปรับปรุงสภาพดิน ทั้งค่าปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีซึ่งจำเป็นต้องใช้ควบคู่กัน เพื่อปรับสภาพเพิ่มความอุดมสมบูรณ์แก่ดิน จะต้องปลูกพืชตระกูลถั่วหรือพืชอายุสั้น เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วก็ไถกลบ หมุนเวียนกันไปเพื่อช่วยเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่เนื้อดิน ซึ่งจะต้องทำอย่างผสมผสานกัน เมื่อดินเริ่มมีสภาพดีขึ้นจะต้องมีการปลูกพืชคลุมดินไว้ตลอด

ทางออกที่แก้ปัญหายั่งยืนที่สุดก็คือ การทำเกษตรแบบผสมผสานเพื่อปลูกพืชให้มีความหลากหลายแต่สำหรับในกรณีที่เป็นที่ดินผืนใหญ่เกินกว่า 10 ไร่หรือไม่มีเงินทุนมากพอที่จะปรับปรุงสภาพดินการหันมาปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ เช่น หญ้าเนเปียร์  หรือหญ้าขน ที่ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากมายนักก็น่าสนใจ หรือหันมาปลูกพืชหมุนเวียนระยะสั้น อย่างพืชตระกูลถั่ว ต่างๆ ซึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวแล้ว ยังไถกลบให้เป็นปุ๋ยเพื่อเป็นการช่วยปรับสภาพดินไปในตัวและแก้ปัญหาในระยะยาวได้อีกด้วยครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook