สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นทรงบาดาล ไม้ประดับหาง่าย

ต้นทรงบาดาล รูปทรงสูงใหญ่เรือนยอดกลมมน ที่ชื่อ ทรงบาดาล เป็นไม้ดั้งเดิมของประเทศไทยเรามีถิ่นกำเนิดในประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศร้อนแถบทวีปเอเชีย จาไมก้าและพบเห็นโดยทั่วไปในประเทศเขตร้อน เป็นหนึ่งในไม้มงคล เพราะชื่อมีความใกล้เคียงกับคำว่าบันดาล จึงมีความเชื่อมาช้านานว่าเป็นไม้ที่บันดาลให้เกิดทรัพย์ศฤงคารและโชคลาภ อีกทั้งยังมีความเชื่ออีกแขนงว่า เป็นไม้ที่มีเจ้าบาดาลสถิตอยู่เป็นรุกขเทวดาประจำไม้ชนิดนี้ สามารถแผ่อำนาจอันทรงพลังเพื่อให้เกิดความสงบ ร่มเย็น ปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ และบันดาลให้เกิดความมั่นคงทั้งด้านหน้าที่การงานและการเงิน ซึ่งไม้ชนิดนี้จะเป็นหนึ่งในไม้มงคลที่นำไปประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ต่างๆ เป็นดั่งกุศโลบายให้เราเชื่อมโยงศิลปวัฒนธรรมการดำรงชีวิตเข้ากับธรรมชาติ แม้ว่าคนโบราณจะไม่นิยมปลูกกันในรั้วบ้านกันนัก แต่จะพบเห็นได้ตามวัดวาและพื้นที่สาธารณะต่างๆ ทั่วไป

ต้นทรงบาดาลเป็นไม้ตระกูลถั่วและอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์ ที่ถูกจัดว่าเป็นไม้ดอกที่มีดอกไม้สีเหลืองอำพันสดใสอวดความงามให้เราได้เชยชมเกือบตลอดทั้งปี นอกจากความงามของดอกไม้แล้ว ใบอ่อนยังถูกนำมาใช้รับประทานเป็นผัก นำมาลวกรับประทานกับน้ำพริกได้ และส่วนของรากที่มีรสขมยังนำมาใช้เป็นสมุนไพรต้มในน้ำสะอาดเพื่อดื่มในการขับพิษไข้ แก้ร้อนใน แก้ของแสลง แพ้อาหาร แก้อาการสะอึก และด้วยความปลูกง่าย เจริญไว ทนทานต่อสภาพอากาศในบ้านเรา ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมนำมาปลูกเป็นไม้กันแนวลม แนวรั้ว ปลูกริมถนน และพื้นที่สาธารณะที่ไม่ลดกระบวนการบำรุงรักษาลงไปได้มาก

ลักษณะพฤกษศาสตร์ของต้นทรงบาดาลนั้น จัดเป็นไม้พุ่มยืนต้น มีความสูงระหว่าง 5-10 เมตร มีลำต้นตรงแตกกิ่งก้านหนาทึบจำนวนมาก แตกใบดกเป็นแผงรวมกันบริเวณก้านใบ บนแผงใบที่มีความยาวประมาณ 6 เซนติเมตรจะประกอบด้วยใบย่อยเรียงเป็นคู่ราว 8-12 ใบ ผิวใบเนียนเรียบ ขอบใบขนาน ปลายใบมน ใบลักษณะคล้ายไข่ขนาดเล็ก ออกดอกสีเหลืองสดใสเป็นช่อกระจะบริเวณปลายกิ่ง มีกลีบดอกชั้นเดียวจำนวน 5 กลีบ ดอกขนาดไม่ใหญ่ แต่เมื่อบานแล้วกลับดูสวยงามยิ่งนัก ให้ผลเป็นลักษณะฝักแบน จะนูนเป็นคลื่นในบริเวณที่มีเมล็ดอยู่ด้านใน มีความยาวราว 10-15 เซนติเมตร

การปลูกต้นทรงบาดาลนั้น นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด เพราะได้ผลดีกว่าการตอนกิ่ง ปลูกได้ดีในดินร่วนซุย ไม่ต้องการน้ำมาก ดังนั้นเมื่อต้นไม้เริ่มโตสามารถทิ้งช่วงการรดน้ำเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งได้ และควรปลูกในที่แสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน การดูแลรักษาไม่ยุ่งยากเพราะไม่มีโรคพืชมาก่อกวนนัก แต่อาจจะพบแมลงศัตรูประเภทเพลี้ย ที่จะมาสร้างความเสียหาย ทำให้ใบเกิดเป็นรอยแหว่งหรือเป็นรู และทำให้ต้นไม้ไม่เติบโตเท่าที่ควร จึงควรตรวจตราและหากพบเพลี้ยให้รีบทำลายในทันที

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook