สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นล่ำซำ ไม้ประดับให้ร่มเงา

ต้นล่ำซำ ชื่อวิทยาศาสตร์เรียก Diospyros buxifolia (Blume) Hiern  เป็นต้นไม้ในวงศ์มะพลับ ซึ่งในวงศ์นี้ก็ยังมีต้นตะโกและต้นมะเกลืออีกด้วย ในบ้านเรายังมีชื่อเรียกว่าต้นหูหนูและต้นสั่งทำ มีถิ่นกำเนิดในประเทศสิงคโปร์ พบมากในอินเดีย ศรีลังกา เมียนมาร์ เวียดนาม ลาว ไทย กัมพูชา คาบสมุทรมาเลเซีย สิงคโปร์ ไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และนิวกินี ชอบอาศัยในป่าร้อนชื้นป่าดงดิบ ที่ราบลุ่ม และเนินเขา  แต่เดิมเป็นไม้ป่าเมื่อเติบโตเต็มที่จะถูกตัดเพื่อนำมาทำเป็นไม้แปรรูป เพราะเนื้อไม้แข็งคล้ายไม้มะเกลือ มีลวดลายสวยงาม สีเข้ม จนถูกนำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์และนำมาใช้ในการก่อสร้างเป็นไม้พื้น ไม้ประตูและหน้าต่าง รวมทั้งนำมาผลิตเป็นเครื่องดนตรี เครื่องมือเครื่องไม้ต่าง ๆ

ต้นล่ำซำ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เจริญเติบโตได้ถึง 20- 35 เมตร สามารถมีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง 25 เซนติเมตร เรือนยอดเป็นทรงพุ่มกว้าง ใบมีก้าน เรียงสลับกัน มีใบที่มีลักษณะเป็นวงรีหรือเกือบเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ยาว 1.2-7 เซนติเมตรและกว้าง 0.5-3 เซนติเมตร มีเส้นใบด้านข้างจางๆ แตกดอกขนาดเล็กเป็นกระจุก กระจุกละ 2-5 ดอก ให้ผลทรงรียาว 1.6 ซม.

ปัจจุบันในประเทศเพื่อนบ้านจะนำต้นล่ำซำมาปลูกไว้เป็นแนวริมถนนเพื่อให้ร่มเงาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง ขณะที่ประเทศไทยเรานิยมนำมาปลูกในบ้านเรือนตามความเชื่อว่าเป็นไม้มงคลที่เสริมทรัพย์เสริมความมั่งคั่ง ตามชื่อ “ล่ำซำ” แต่ที่พบเห็นได้มากที่สุดคือบริเวณสนามกอล์ฟ เพราะเป็นต้นไม้ที่ได้ร่มเงาทนแดด ทนแล้ง ทำให้ไม่ต้องให้น้ำมากนัก และเป็นต้นที่มีความต้านทานโรคดี ไม่มีแมลงศัตรูพืชมารบกวน ทำให้เมื่อปลูกแล้วจะใช้ประโยชน์ร่มเงาได้นาน รากไม่แผ่ออกด้านข้างเหมือนต้นหูกระจง ทำให้ไม่กระทบต่อสิ่งปลูกสร้างเหมือนไม้บางประเภท

ต้นล่ำซำนั้น สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ดและสามารถปลูกได้ในดินที่ระบายน้ำได้ดี ไม่มีน้ำขัง ช่วงที่เพาะต้นกล้าควรให้แสงแดดส่องถึง จนกว่าต้นกล้าจะแข็งแรง ลำต้นตั้งตรง และมีความสูงราวๆ 15 เซนติเมตรขึ้นไปจึงย้ายไปลงที่หลุมปลูกกลางแจ้ง เพื่อให้ต้นรับแสงได้เต็มที่ เมื่อต้นเจริญเติบโตให้รดน้ำเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้งหรือเมื่อสัมผัสแล้วโคนต้นขาดความชุ่มชื้น แต่ไม่ควรรดมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้รากเน่าได้ แม้ต้นไม้ชนิดนี้จะมีการเติบโตช้า แต่ข้อดีคือไม่ต้องดูแลมาก ใบไม่ร่วงมาก ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องแมลงและเรื่องของการตัดแต่งบ่อยๆ เมื่อเติบโตเต็มที่ก็ได้ร่มเงาคุ้มค่า มีใบเขียวขจีตลอดทั้งปี ซึ่งก็นับว่าเป็นต้นไม้ที่น่าปลูกชนิดหนึ่งเลยครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook