สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว

ทุเรียน ราชาผลไม้เมืองไทยที่มีรสชาติดี เป็นผลไม้เศรษฐกิจทำรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนผู้ปลูกอย่างมาก ทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ในบ้านเราไม่เพียงแต่จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในประเทศ แต่ยังสามารถส่งออกขายไปยังต่างประเทศ สร้างรายได้นำเข้าประเทศได้อย่างมาก พันธุ์ทุเรียนไทยที่ได้รับความนิยมหลักๆ ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง พันธุ์ชะนี และพันธุ์ก้านยาว โดยรสชาติทุเรียนแต่ละสายพันธุ์นั้นจะมีความแตกต่างกันพอสมควร สำหรับพันธุ์ก้านยาวนั้น จะมีเนื้อในผลสีเหลืองนวล เนื้อเนียนละเอียด รสหวานกลมกล่อม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เมล็ดกลม นิยมรับประทานในระยะที่สุกแบบพอดี หากเป็นพันธุ์ก้านยาวโบราณอาจมีเมล็ดที่ใหญ่ แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงพันธุ์เป็นพันธุ์ก้านยาวทรงหวดจะมีเมล็ดที่ลีบเล็กลงกว่าพันธุ์ดั้งเดิม แต่รสชาติไม่แตกต่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงและขายได้ราคาดีมาก

ต้นทุเรียนพันธุ์ก้านยาว มีต้นสูงแตกกิ่งก้านไม่เป็นทรงพุ่ม มีกิ่งยาวมากจนโค้งงอขนานกับพื้นดิน  ใบมีลักษณะเรียวยาวปลายใบแหลมมีสีเขียวนวล ลักษณะใบคล้ายรูปไข่ ให้ดอกสีขาวเป็นช่อ ผลของต้นทุเรียนพันธุ์ก้านยาว จะมีตั้งแต่ผลทรงรีไปจนถึงทรงกลม มีหนามรอบผล หนามจะไม่แหลมมาก มีก้านยาวมากกว่าพันธุ์อื่นเนื้อในมีสีเหลืองอ่อน หอมน่าทาน มีรสชาติมันหวานกำลังดี มีเปลือกหนา เมล็ดใหญ่ น้ำหนักแต่ละผลประมาณ 3 กิโลกรัม

วิธีการเพาะปลูกทุเรียนพันธุ์ก้านยาว การปลูกทุเรียน จะต้องทำการปรับหน้าดินตากแดดไว้เป็นเวลา 1 สัปดาห์เพื่อกำจัดวัชพืชที่อยู่ในดินและปรับดินให้ร่วนซุย ดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนปนทราย หรือ ดินเหนียวปนทรายเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี เพราะต้นทุเรียนจะไม่ชอบดินที่มีน้ำท่วมขังและมีน้ำแฉะ ให้ขุดหลุมดินมีความกว้าง ความยาวและความลึก ประมาณ 50 เซนติเมตร จากนั้นก็นำดินผสมกับปุ๋ยคอกเก่าแล้วไปรองก้นหลุมพอประมาณให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม และนำต้นกล้าทุเรียนพันธุ์ก้านยาวลงหลุมปลูก จะต้องระมัดระวังไม่ให้ดินที่อยู่บริเวณรากต้นกล้าทุเรียนแตกออก ต้นกล้าที่เลือกมาปลูกจะต้องเป็นต้นที่แข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคและแมลงต่างๆ สำรวจรากหากมีรากขดงอบริเวณก้นถุงต้นกล้าก็ให้ตัดออกก่อนนำต้นกล้าทุเรียนลงหลุมปลูก จากนั้นกลบดินให้เรียบร้อยและนำไม้มาปักค้ำยัน และหาทางมะพร้าวมาบังแดดเพื่อไม่ให้ต้นกล้าที่ลงปลูกโดนแดดจัดเกินไป  หลังจากนั้นให้รดน้ำ ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ หมั่นคอยตรวจตราดูแมลงโรคพืชเป็นประจำ หากพบให้รีบกำจัดในทันที เพื่อให้ลุกลามทำลายผลผลิต แม้จะต้องใช้เวลาในการเพาะปลูกไม่น้อย แต่ผลผลิตที่ได้ก็สามารถสร้างรายได้ได้ดีทีเดียวครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook