สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

มะเดื่อฝรั่ง พืชร้อยปีสร้างรายได้ยาวนาน

มะเดื่อฝรั่ง เป็นพืชที่พวกเราส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความสนใจสักเท่าไหร่ จนกระทั่งมีการนำมะเดื่อฝรั่งมาวิจัยโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และโครงการหลวงเป็นเวลาถึง 25 ปี เพื่อที่จะให้พี่น้องบนพื้นที่สูงหันมาปลูกมะเดื่อฝรั่งแทนฝิ่น และเพื่อนๆ เกษตรกรบนพื้นที่สูงก็หันมาปลูกมะเดื่อฝรั่งมากยิ่งขึ้น มีความสนใจที่จะทดลองปลูกมะเดื่อฝรั่งพันธุ์ต่างๆ จนในที่สุดก็ได้มะเดื่อฝรั่งพันธุ์ที่ต้องการ เหตุที่เพื่อนๆ ในแถบภาคเหนือหันมาปลูกมะเดื่อฝรั่งมากขึ้นเพราะ มะเดื่อฝรั่งนั้นมีประโยชน์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนำผลไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ เช่น ผลไม้กวน เค้ก พุดดิ้ง ไอศครีม แถมผลแบบแห้งยังสามารถนำไปผลิตเป็นกาแฟได้อีกด้วย

นอกจากนี้มะเดื่อฝรั่งนั้นยังให้ประโยชน์แก่ร่างกาย โดยภายในผลของมะเดื่อฝรั่งจะมีโซเดียม ฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็กสูง ทำให้ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน รวมทั้งเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางเพราะธาตุเหล็กจะช่วยในการผลิตเม็ดเลือดมากยิ่งขึ้น และยังเป็นตัวช่วยในการลดน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ทั้งยังใช้เป็นยาบำรุงร่างกายได้อีกด้วย เพราะมะเดื่อฝรั่งนั้นจะช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้ดีครับ ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิตไม่ให้สูงจนเกินไป ถือเป็นการบำรุงหัวใจไปในตัวอีกด้วยครับ

ต้นมะเดื่อฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นที่ไม่สูงมากนัก ลำต้นหนามีสีเทาปนขาว ภายในลำต้นประกอบด้วยเนื้อยางสีขาว กิ่งก้านแตกใบไปโดยรอบต้น เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดจากแถบตะวันออกกลาง ซึ่งอยู่ในเขตร้อนชื้นทำให้สามารถขึ้นได้ดีในประเทศไทย โดยดอกของมะเดื่อฝรั่งนั้นจะประกอบกันด้วยหลายดอก ก่อนจะหุ้มด้วยใบเลี้ยงไว้อีกรอบจนมองภายนอกเหมือนมีเพียงดอกเดียวเท่านั้น ผลของมะเดื่อฝรั่งจะเป็นลูกกลมแป้นกว่าผลส้ม ขณะเป็นผลอ่อนจะมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่จนสามารถเก็บผลผลิตได้แล้วผลของมะเดื่อฝรั่งนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้มและชมพูได้ครับ

มะเดื่อฝรั่งสามารถเพาะปลูกได้ด้วยการปักชำหรือตอนกิ่ง โดยเริ่มจากการหากิ่งพันธุ์มา จากนั้นก็ทำการตัดใบออกให้หมด เตรียมดินไว้ให้พร้อมโดยสามารถเลือกได้ว่าจะปลูกไว้ในกระถางหรือจะปลูกลงในแปลงก็ได้ หากเลือกปักกิ่งพันธุ์ลงในแปลงก็อย่าลืมเว้นระยะห่างต้นพอสมควรด้วยนะครับ

การปลูกมะเดื่อฝรั่งนั้น คุ้มค่าแก่การลงทุนมากครับ เพราะมีอายุถึงหนึ่งร้อยปีแถมยังเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เป็นสิบๆ ปีเลยล่ะครับ ซึ่งผลผลิตขายได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 150-300 บาท ทั้งนี้อยู่ที่การคัดเลือกพันธุ์ของผู้ปลูกด้วยครับ หากเป็นพันธุ์ดีจะให้ผลมะเดื่อฝรั่งที่หวานและลูกใหญ่ขึ้นครับ เพื่อนๆ เกษตรกรที่แปรรูปสินค้าเก่งๆ จะได้เปรียบมากเลยครับ เพราะตอนนี้ตาดต่างประเทศยังมีความต้องการมะเดื่ออบแห้งจำนวนมากเลยครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook