สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

วิธีเพาะพริก ผักสวนครัวเพิ่มความเผ็ด

ผักสวนครัวที่มักจะยู่ในหลายเมนูคู่ครัวไทย คือ พริกขี้หนู ที่นอกจากจะให้ความเผ็ดแล้ว ยังให้ความหอมของกลิ่นพริกและกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ ความเผ็ดร้อนที่ได้จากพริกยังทำให้เจริญอาหารยิ่งขึ้น อาหารต่างๆ จึงมักประกอบไปด้วยส่วนผสมของพริก ไม่ว่าจะเป็นพริกสด พริกป่น พริกแห้ง และน้ำพริก วันนี้จึงมาชวนพวกเราไปเพาะพริกด้วยวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถปลูกได้เองที่บ้าน จะปลูกในกระถางหรือปลูกลงดินก็ได้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความสะดวกในการดูแลของแต่ละคน

วิธีการเพาะพริกเริ่มตั้งแต่การหาเมล็ดพันธุ์ โดยพันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกและมีรสชาติโดนใจมีหลายพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น พันธุ์ห้วยสีทนและพันธุ์หัวเรือ เป็นต้น แล้วนำเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาแช่ในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิราว 50 องศาเซลเซียส ปล่อยทิ้งไว้ในน้ำ 30 นาที จึงนำขึ้นมาพักในผ้าขาวบางแล้วมัด ใส่เมล็ดพริกที่บรรจุในผ้าขาวยางลงไปในกระติกน้ำร้อนแล้วบ่มไว้ 1 คืน ก่อนที่จะนำไปเพาะขยายพันธุ์ต่อไป

วิธีเพาะพริกแบบสวนครัวง่ายๆ คือ เพาะเมล็ดลงในถาดเพาะชำที่บรรจุวัสดุเพาะรอไว้แล้ว โดยให้นำไม้แหลมมากดลงบนวัสดุเพาะให้เป็นรูแล้วนำเมล็ดพันธุ์หยอดลงไป แล้วจึงนำวัสดุเพาะมากลมไว้ หรือหากมีความประสงค์จะใช้วิธีการหว่านเมล็ด ควรเตรียมวัสดุเพาะเป็นทรายขี้เป็ดแบบหยาบ โดยทรายเหล่านั้นจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วยการต้มในน้ำเดือดแล้วพักไว้จนกว่าทรายจะเย็น ก่อนที่จะนำไปเทใส่ตะกร้าที่มีกระดาษรองพื้นไว้แล้ว เมื่อนำเมล็ดพริกมาหว่านลงในวัสดุปลูกแล้วให้นำขุยมะพร้าวและปุ๋ยอินทรีย์มากลบไว้ หลังจากหว่านแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป เมื่อต้นกล้าเริ่มงอก ให้ย้ายไปลงในถาดเพาะกล้า ก่อนที่จะย้ายลงแปลงในที่สุด

ส่วนวิธีการเพาะพริกเพื่อนำผลพริกไปขายต่อนั้น นิยมเพาะในแปลงเพาะ ที่มีการไถพรวนดินไว้อย่างดี มีการกลับดินขึ้นมาเพื่อตากดินไว้เพื่อฆ่าเชื้อล่วงหน้าก่อนการเพาะประมาณ 3 สัปดาห์ แล้วนำปุ๋ยคอกเก่าหรือปุ๋ยหมักมาผสมในดินให้เข้ากัน ซึ่งแปลงปลูกควรมีความกว้างประมาณ 2 เมตร ความยาวระหว่าง 5 ถึง 10 เมตร ตามพื้นที่ที่จัดสรรไว้สำหรับปลูกพริก นำเมล็ดพริกมาโรยเป็นแถว เว้นระยะระหว่างแถว 10 เซนติเมตร ก่อนที่จะนำดินมากลบไว้บางๆ แล้วนำวัสดุคลุมดิน เช่น ฟางหรือหญ้าแห้งมาคลุมดินไว้แล้วรดน้ำให้ชุ่ม รอจนต้นกล้างอกจนอายุได้ราว 3-4 สัปดาห์จึงย้ายลงแปลงปลูกต่อไป

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook