สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

สตรอว์เบอร์รี ผลไม้ชั้นดีแห่งเมืองหนาว

สตรอว์เบอร์รี คือชื่อที่สะกดถูกต้องของผลไม้ที่เรามักจ่านออกเสียงว่า สตรอเบอร์รี่ มากจากชื่อสามัญคือ Strawberry เป็นพืชเมืองหนาว มีถิ่นกำเนิดมาจากแบทวีปอเมริกาเหนือและใต้ แต่ก่อนไทยเราต้องนำเข้ามาจากประเทศเมืองหนาว ทำให้มีราคาแพง โดยส่วนใหญ่นำมารับประทานผลสด ซึ่งมีวิตามินซี ลดการเหี่ยวย่น บำรุงร่างกาย ลดไขมันในเส้นเลือด มีกรดโฟลิคสูง แม้กระทั่งใบของต้นสตรอว์เบอร์รี ก็ยังสามารถนำมาประคบบริเวณที่ช้ำบวมให้บรรเทาอาการลงได้ นอกจากการรับประทานผลสดแล้ว ยังสามารถนำมาผลิตเป็นอาหารแปรรูปอื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น ผลิตเป็นแยม ไวน์ น้ำคั้นสดๆ หรืออบแห้ง เพื่อเป็นการถนอมอาหารไปในตัวด้วย กลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่มีศักยภาพชนิดหนึ่งของไทยเรา

ลักษณะโดยทั่วไปของผลไม้ชนิดนี้ จะมีอายุการเจริญเติบโตประมาณ 3 ปี ลำต้นเตี้ยความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร พุ่มกว้างประมาณ 20-30 เซนติเมตร มีไหลอยู่ที่หูใบของลำต้นเพื่อเกิดเป็นต้นอ่อนต่อไปได้ ใบจะมีการผลัดใบใหม่ทัก 30-90 วัน มีรากไม่ลึก ตาดอกผลิต่อจากตายอดในช่วงสภาพอากาศต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส และจะหยุดการเจริญเติบโตเมื่ออากาศร้อนเกินกว่า 20 องศาเซลเซียส ขนาดและสีของผลจะแตกต่างไปตามพันธุ์และสภาพแวดล้อมการปลูก สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในตลาดและมีการปลูกสูงคือ พันธุ์พระราชทาน 80 เป็นสายพันธุ์ผสมที่ได้ต้นพันธุ์มาจากญี่ปุ่น ที่มีผลขนาดใหญ่ สีแดงสวย กรอบนุ่ม หวาน มีความหอม และยังเป็นพันธุ์ที่มีความต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ

การเพาะเลี้ยงสตรอว์เบอร์รีนั้น ในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมในการปลูก โดยจะเติบโตได้ในสภาพอากาศเย็น มีช่วงแสงไม่เกินวันละ8-10 ชั่วโมงตามช่วงพัฒนาการของพืช พื้นที่ที่เหมาะสมแก่การปลูก จึงควรอยู่เหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 800 เมตร การปลูกสตรอว์เบอร์รีนั้น ควรใช้พื้นที่ที่ไม่เคยปลูกพืชที่เป็นบ่อเกิดของเชื้อโรคสะสม เช่น พริก มันฝรั่ง และมะเขือ เป็นต้น หากเลี่ยงไม่ได้ให้ปล่อยให้แปลงร้างไปก่อนไม่น้อยกว่า 3 ปี และก่อนฤดูกาลปลูกให้ลงถั่วพุ่มดำเพื่อปรับปรุงดินก่อนเสมอ แล้วทำการไถกลบเมื่อถึงช่วงเพาะปลูก และทำการปรับปรุงดินให้เหมาะสม และไถดินผึ่งแดดไว้ 15-21 วัน แล้วนำดินมาคลุกปุ๋ยคอก ยกแปลงสูง คลุมดินเพื่อให้ดินเก็บความชื้นก่อนทำการปลูก 7 วัน แล้วนำไหลมาปลูกในระดับผิวดิน แล้วกดดินให้แน่น แล้วรดน้ำทันที และต้องหมั่นตรวจแปลงเพื่อป้องกันวัชพืชและศัตรูพืช ใช้เวลาประมาร 2 เดือนเราก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ครับ แต่คุณภาพจะดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจริงๆ และการเอาใจใส่อย่างละเอียดถี่ถ้วนครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook