สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

มารู้จักกับ หินภูเขาไฟ และการนำไปใช้ประโยชน์

หินภูเขาไฟ มีชื่อฝรั่งว่า Pumice Stone หรือ หินพัมมิซ แต่ที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่าหินภูเขาไฟ เพราะเข้าใจง่ายและบ่งบอกถึงที่มาว่าเกิดมาจากลาวาของภูเขาไฟจริงๆ

ลาวา คือหินหลอมเหลวใต้พิภพที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ  ลาวาที่ทะลักออกมาเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งจนเย็นตัวลงก็จะกลายเป็นหินและแร่ธาตุต่างๆ ให้คนไปขุดกัน ส่วนของหินภูเขาไฟนั้น ก็สกัดมาจากแถบภูเขาไฟครับ จึงอุดมไปด้วยส่วนประกอบของแร่ธาตุต่างๆ หลายชนิด เช่น  ซิลิกา แคลเซี่ยม แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม เป็นต้น

ลักษณะพิเศษของหินภูเขาไฟ คือ เป็นหินที่มีน้ำหนักเบา ลอยน้ำได้ มีผิวที่สาก เพราะมีรูพรุนขนาดเล็กๆ จำนวนมาก จึงดูดซับน้ำไว้ในตัว คล้ายๆ ฟองน้ำ เมื่อซับน้ำไว้เต็มที่ก็จะจมลงไป จากการที่หินชนิดนี้มีแร่ธาตุประกอบหลายชนิด จึงถูกนำไปใช้ประโยชน์ ในอุตสาหกรรมต่างๆ หลายประเภท แต่ที่ใกล้ตัวเราหน่อย ก็จะเป็น การใช้กรองน้ำ ในวงการปลาตู้ ปลาสวยงามและที่นิยมใช้มากที่สุดคือวงการไม้ดอก ไม้ประดับ รวมถึงพืชในตระกูลกระบองเพชร

ในปัจจุบันมีการแปรรูปหินภูเขาไฟออกมาขายในท้องตลาด โดยแบ่งออกเป็นขนาด เป็นขนาดต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หินขนาด 2-3 ซม.ใช้ในการกรองน้ำ, 1-2 ซม.ใช้เพื่อปลูกพืช,  0.5-1 ซม.ใช้สำหรับกรองน้ำหรือปลูกพืช เป็นต้น

หินภูเขาไฟนิยมนำมาใช้ประโยชน์ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้เพื่อรองก้นกระถางต้นไม้แทบกาบมะพร้าว เพราะหินมีความคงทนถาวรกว่ากาบมะพร้าว ทำให้ใช้งานได้ชั่วนาตาปีเลยครับ และยังไม่ทำให้ดินในกระถางยุบตัว และช่วยกักเก็บปุ๋ยให้รากได้ดูดซึมนานขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยให้ก้นกระถาง มีอากาศ ถ่ายเทสะดวก ทำให้รากมีโอกาสหายใจ ป้องกันรากเน่า และยังมีแร่ธาตุในหินเสริมให้รากต้นไม้ดูดซึมอาหารได้ดียิ่งขึ้น

หินภูเขาไฟยังถูกนำมาใช้ผสมในดินสำหรับปลูก ช่วยปรับสภาพความเป็นกรดของดินหรือที่เราเรียกกันว่าดินเปรี้ยวเพราะหินภูเขาไฟมีค่า pH สูง และยังช่วยปรับสภาพดิน ให้มีความโปร่ง และร่วนซุย อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น น้ำหนักเบา แม้ว่าหินภูเขาไฟจะไม่ใช่ปุ๋ยแต่ก็เปรียบได้กับอาหารเสริม เพราะมีแร่ธาตุสมบูรณ์ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์ของพืช และช่วยให้ระบบการดูดซึมทำงานเป็นปกติ ทำให้พืชมีความแข็งแรง ต้านทานต่อโรคและแมลงต่างๆ ได้ดี

เพื่อนๆ เกษตรบางท่านยังใช้หินภูเขาไฟโรยหน้าดินในกระถาง เพื่อช่วยกักเก็บน้ำและความชื้น รวมถึงช่วยดูดซับสารอาหารของปุ๋ยไว้ภายในรูพรุนของหิน ทำให้ปุ๋ยไม่ถูกชะล้างไปได้ง่าย ปุ๋ยอยู่กระถางได้นานขึ้นเพราะหินจะค่อยๆคายออกมา ขณะเดียวกันรูพรุนของหินยังเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช

จากประโยชน์ต่างๆ ของ หินภูเขาไฟ ทำให้ผู้คนนิยมใช้มันมากกว่าวัสดุชนิดอื่น และแน่นอนว่า ราคาย่อมต้องสูงตามความนิยมแน่นอน แต่หากเทียบกับมูลค่าและคุณค่าของต้นไม้ที่เราตั้งใจปลูกแล้ว ราคาค่างวดเทียบกันไม่ได้เลยครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook