สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

เพาะเมล็ดพริก ผักสวนครัวยอดนิยม

การเพาะเมล็ดพริกเป็นวิธีการปลูกพริกที่ไม่ได้ยุ่งยาก ทำให้หลายคนหันมาปลูกพริกไว้รับประทานกันเองในบ้าน แม้กระทั่งในคอนโดมิเนียมก็ยังสามารถปลูกไว้ในกระถางได้ ทำให้เมื่อต้องเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ สามารถเด็ดพริกใกล้มือได้โดยไม่ต้องออกไปซื้อหานอกบ้าน นอกจากนี้เกษตรกรหลายรายยังนิยมปลูกพริกเป็นผลผลิตหลัก เพราะพริกนั้นเป็นผักสวนครัวที่ถูกนำไปใช้ในการประกอบอาหารหลายเมนูและถูกนำไปใช้ประโยชน์หลายด้าน ทำให้ตลาดยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นการผลิตพริกแบบเกษตรอินทรีย์ ยิ่งมีตลาดรองรับที่ขยายขึ้นเรื่อย ๆ

ก่อนที่เราจะเล่าเรื่องการเพาะเมล็ดพริกนั้น เราจะขอแนะนำพันธุ์พริกต่างๆ กันก่อน เริ่มจากพริก Capsicum annuum L. ที่นับว่าเป็นพริกที่ใช้กันมากและมีตลาดรองรับที่กว้าง ได้แก่พริกชี้ฟ้า พริกแดง พริกขี้หนูจินดา พริกขี้หนู พริกหวาน และพริกยักษ์ เป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากตอนกลางของทวีปอเมริกาและได้รับการยอมรับว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดี นิยมใช้กันทั้งในอเมริกา เอเชีย และไทยเราก็นิยมใช้พริกในกลุ่มนี้เป็นหลัก นอกจากพริกที่เราคุ้นชินกันแล้ว ยังมีพริกที่มีรสเผ็ดจัดมากที่เราไม่ค่อยรู้จักกัน อย่างพันธุ์ Capsicum chinense Jacq. ซึ่งเป็นที่นิยมใช้รับประทานกันในแถบลุ่มแม่น้ำอเมซอน และยังมีพริกที่นิยมปลูกเพื่อนำมาสกัดเอาสาระสำคัญอย่าง Capsicum frutescens L. หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า พริกเกษตรหรือพริกขาว

สำหรับการเพาะเมล็ดพริกขี้หนูสวนที่คนไทยเรานิยมกันมากมีอยู่ด้วยกันหลายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์หัวเรือ สีทนและพันธุ์สร้อย ที่สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกประเภท แต่หากต้องการให้ได้รับผลผลิตที่มีคุณภาพและได้ปริมาณที่มากควรเลือกปลูกในดินที่ระบายน้ำได้ดีอย่างดินร่วนปนทรายและดินคงรมีค่า pH ระหว่าง 6.0-6.8 จะปลูกแบบยกร่องหรือจะปลูกแบบที่ดอนในไร่ก็ได้ และควรมีการวางระบบน้ำสำรองไว้หากอยู่นอกเขตชลประทาน เพื่อรองรับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง ซึ่งกระทบต่อการให้ผลผลิตพริกที่เราเพาะเมล็ดไปแล้ว แต่โดยทั่วไปชาวสวนพริกส่วนใหญ่นิยมปลูกใกล้แหล่งน้ำในที่ลุ่มมากกว่า เพราะมีน้ำเพียงพอต่อการดูแลต้นพริกได้อย่างเหมาะสม ทำให้ได้รับผลผลิตอย่างต่อเนื่องตามที่วางแผนได้

การเพาะเมล็ดพริกให้มีอัตราการงอกสูง ควรนำเมล็ดพันธุ์ไปวางไว้บนผ้าขาวห่อไว้ให้เรียบร้อยแล้วนำไปแช่น้ำที่เติมสารป้องกันเชื้อราแล้วไว้ 1 คืน แล้วจึงนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดให้ไหลผ่านราว 30 นาที แล้วบ่มเมล็ดในห่อผ้าไว้ในที่ชื้นและไม่มีแสงแดดส่องถึงประมาณ 2-3 วัน รอจนรากงอกจึงนำไปปลูกในถุงดำ ที่เติมวัสดุเพาะไว้แล้ว และรดน้ำเช้าเย็นทุกวันรอจนต้นกล้าเริ่มผลิใบได้ 3-4 ใบ จึงย้ายลงปลูกในแปลง โดยให้ทำการย้ายปลูกในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเพื่อเลี่ยงแสงแดดที่แรงเกินไป

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook