สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

เสาวรส ผลไม้เพื่อการส่งออก

กะทกรกฝรั่ง หรือ เสาวรส เป็นผลไม้เศรษฐกิจของมลรัฐฮาวายและฟลอริด้า อัฟริกา และบราซิล เป็นพืชที่ชอบอากาศร้อนชื้น และประเทศไทยเราเริ่มมีการปลูกอย่างในช่วง 50-60 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มแรกนิยมนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้บรรจุกล่องและแยม และเมื่อมีการวิจัยพบว่าเสาวรสมีสรรพคุณมากมาย รสชาติดี มีกลิ่นหอม ทำให้ผู้บริโภคหันมาทานผลสดเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการปลูกอย่างทั่วถึงในแทบทุกภาค

เสาวรส มีลำต้นเป็นเถาเลื้อยไปตามนั่งร้าน โคนของเถาเป็นไม้เนื้อแข็ง ใบมีลักษณะมนรี ผลไม้ชนิดนี้มีหลายพันธุ์ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็มีสีสันของผลไม้แตกต่างกันไป ออกผลรูปไข่ ผิวเปลือกเนียนเรียบ เนื้อผลเป็นเมือกสีเขียวเหลือง น้ำเยอะ มีเมล็ดแทรกอยู่จำนวนมาก มีรสชาติเปรี้ยว กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ สามารถพบต้นไม้ชนิดนี้ได้ในทุกภาคของประเทศไทย และที่ผ่านมาไทยเราได้ส่งออกเสาวรสไปยังประเทศสหรัฐอเมริกานับร้อยตันต่อปี และตลาดยังคงมีความต้องการเสาวรสจำนวนมาก

สรรพคุณของเสาวรสนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งส่วนของ ใบ ดอก ลำต้น ผล และราก ทั้งเป็นยาคลายเครียด ลดความดันโลหิตและลดคลอเรสเตอรอล คลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการนอนหลับ บำรุงระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการไอมีเสมหะ และด้วยความที่เสาวรสมีวิตามินเอสูง จึงช่วยบำรุงสายตา เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ด้วย ทำให้มีการนำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้พร้อมดื่ม นำไปผลิตเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพต่างๆ และยังนำไปรับประทานแบบผลสดอีกด้วย ส่วนของยอดนำไปทำแกงเลียงหรือลวกจิ้มน้ำพริก เปลือกผลนำไปดองแช่อิ่มได้อีกต่างหากครับ ทำให้เป็นโอกาสอันดีของเพื่อนๆ เกษตรกรที่มองหาพืชผลใหม่ๆ มาปลูกเพื่อสร้างรายได้เพิ่มกันครับ

การปลูกเสาวรสให้ได้ผลผลิตสูงนั้น ควรปลูกในพื้นที่ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 500-1,000 เมตร มีแสงแดดตลอดทั้งวัน ดินระบายน้ำได้ดี ในช่วงที่เราทำการเตรียมดิน เราต้องลงมือทำนั่งร้านไปด้วยนะครับ ใช้วัสดุที่มีความคงทนใช้งานได้มากกว่า 3 ปี ซึ่งการทำนั่งร้านแบบเอจะให้ผลผลิตสูงสุด เมื่อเราปลูกต้นกล้าลงดินแล้วให้ทำเสาค้ำแล้วผูกเถาไว้กับเสาหลักให้ยอดตั้งตรงอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตัดแต่งกิ่งที่แตกออกด้านข้างออกให้เกลี้ยง ตัดยอดของเถาให้แตกเถาใหม่เสมอ ทำการรดน้ำสัปดาห์ละครั้งในฤดูแล้ง และต้องเด็ดผลที่ไม่มีคุณภาพออกทันทีที่พบ เมื่ออายุได้ 7 เดือนเราก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกไปแปรรูปหรือส่งขายได้แล้วครับ และหมดฤดูการเก็บเกี่ยวเราต้องทำการตัดแต่งเถาออกเหลือไว้ประมาณ 4 กิ่ง ยาวประมาณ 1 ฟุต เพื่อรอให้แตกเถาใหม่ที่มีคุณภาพต่อไปเมื่อได้รับฝนในฤดูถัดไป

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook