สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

แกลดิโอลัส ซ่อนกลิ่นฝรั่ง สีสันสดใส

แกลดิโอลัส เป็นไม้ดอกเมืองหนาวที่มีสีสันสดใสหลากหลายสีให้ได้ยลโฉม อวดความงามสง่า กลายเป็นไม้ตัดดอกที่เป็นนิยมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศกลายเป็นไม้ตัดดอกเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทย โดยพื้นที่แหล่งผลิตสำคัญของประเทศยังคงอยู่ในแถบภาคเหนือตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่สูง ได้แก่ จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ รวมไปถึงพื้นที่สูงในจังหวัดเพชรบูรณ์และนครราชสีมา ตลาดรับซื้อที่สำคัญยังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ ทั้งเป็นไม้ตัดดอกและไม้ประดับแบบลงกระถาง ยิ่งในยุคปัจจุบันที่การคมนาคมสะดวกสบายขึ้น การขนส่งไม้ตัดดอกจากแหล่งผลิตมายังตลาดหลักใช้เวลาไม่มากทำให้คุณภาพดอกไม้ยังคงดีและสด เกิดการสูญเสียจากการขนส่งน้อยลง ทำให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกมีรายได้เพิ่มขึ้น

แกลดิโอลัส เป็นไม้ดอกประเภทหัว โดยมีชนิดที่แตกต่างกันไปหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น ชนิดต้นใหญ่ที่มีชื่อว่า แกรนดิฟลอรัส ที่มีช่อดอกขนาดใหญ่ ประกอบด้วยดอกย่อยมากถึง 20 ดอกย่อย ทยอยบานพร้อมกันคราวละ 5-7 ดอก และมีช่อดอกที่ยาวและแข็งแรง ชนิดที่มีลำต้นใหญ่และสูงอีกชนิด คือ โควิลลีอาย ส่วนชนิดต้นเล็ก ที่ให้ดอกขนาดเล็กน่ารัก เรียงตัวกระจายกันไปตามช่อห่างๆ มีชื่อว่า พรายมูลินัส  ส่วนพันธุ์ดอกจิ๋วอีกชนิดคือพันธุ์ ทูเบอเจนนิอาย ที่จะมีดอกขนาดเล็กมากและเรียงชิดกันแน่น แต่หากจะแบ่งตามระยะเวลาการออกดอกจะแบ่งออกเป็นพันธุ์หนักที่จะกินเวลานับจากวันที่ปลูกถึงวันที่ออกดอกราว 90-120 วัน ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ที่มีดอกขนาดใหญ่และจำนวนดอกย่อยเยอะ ส่วนพันธุ์กลางจะกินเวลา 75-90 วัน ช่อดอกจะย่อมกว่าพันธุ์หนักลงมา และพันธุ์เบาที่กินเวลาประมาณ 60-75 วัน ที่ขนาดของช่อดอกจะเล็กและสั้นลง

สำหรับการปลูกแกลดิโอลัสในเชิงการค้านั้น นิยมขยายพันธุ์โดยหัวย่อย เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี มีธาตุอาหารสมบูรณ์ หากดินมีสมบัติที่ไม่ดีเท่าที่ควรให้ทำการปรับปรุงดินก่อน ค่า pH 6-6.5  มีแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน ให้เตรียมดินด้วยการไถพรวนและผึ่งแดดไว้ 10 วัน แล้วทำแปลงกว้างราว 1-1.2 เมตร เว้นระยะระหว่างแปลงอย่างน้อย 50 เซนติเมตรเพื่อให้สามารถเข้าไปให้น้ำ ให้ปุ๋ย ดูแลแปลงและเก็บเกี่ยวได้ง่าย เว้นระยะระหว่างต้นราว 15-20 เซนติเมตร ให้แต่ละแถวปลูกห่างกัน 15-20 เซนติเมตรเช่นกัน โดยคำนึงถึงขนาดหัวที่ใช้ปลูก  เมื่อนำหัวลงปลูกแล้วให้นำหญ้าแห้งมาคลุมทับไว้อีกชั้นแล้วรดน้ำให้พอชุ่มและไม่ควรให้ดินขาดชุ่มชื้น รอเวลาจนดอกพร้อมเก็บเกี่ยวจึงตัดดอกและนำส่งตลาดต่อไป

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook