สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ไพล สมุนไพรเงินแสน

ไพลเป็นไม้ตระกูลเดียวกับขมิ้น จัดเป็นพืชชั่วฤดู ลำต้นสูงไม่เกิน 1.5 เมตร มีลำต้นแบบแง่งอยู่ใต้ดินหรือที่เราเรียกกันว่าหัวเหง้า ส่วนของหัวไพลจะมีเปลือกสีน้ำตาลอ่อนออกเหลือง เนื้อในมีสีเหลืองแกมเขียว ลำต้นจะแตกออกเป็นกอ มีกาบใบและโคนใบหุ้มเรียงกันเป็นชั้นๆ เหง้าไพลสดจะอุดมไปด้วยความชุ่มชื้น ฝืดคอ เผ็ดร้อน และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนพืชชนิดอื่น

ใบของว่านไพล จะมีลักษณะคล้ายรูปกระบี่ มีความกว้างไม่เกิน 3 นิ้ว ยาวไม่เกิน 12 นิ้ว แตกดอกเป็นช่อตั้งตรงทรงกรวยเกือบกลม ปลายแหลม โคนมน ส่วนของก้านช่อแทงออกมากจากพื้นดิน กลีบดอกมีสีออกนวล ๆ มีใบเลี้ยงหรือใบประดับสีม่วงแดง ส่วนผลไพลจะมีผลที่มี่ลักษณะแห้งรูปทรงกลมๆ

ไพลมีประโยชน์หลายอย่างเลยครับ อย่างง่ายเลยคือเราสามารถนำมาบำรุงผิวให้มีน้ำมีนวลได้ แค่นำเหง้าไพลมาฝานแล้วต้ม นำมาชโลมผิวแค่นั้นครับ แต่ที่นิยมมากและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงก็คือการนำไพลมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ทาผิวเพื่อป้องกันยุงและแมลงมารบกวนผิว หรือนำมาหยดน้ำในเตาหอมระเหย ทำให้เกิดกลิ่นหอมในบ้านเรือนได้ดี ส่วนในเรื่องความงามนั้น เราสามารถนำไพลมาทำเป็นสมุนไพรไพลผง เพื่อผสมกับครีมชุ่มชื้นต่างๆ หรือทำเป็นสครับขัดผิวหรือผงสมุนไพรพอกหน้าให้ขาวผ่องได้ด้วยครับ

ด้วยประโยชน์ที่เราได้พูดถึง ว่านไพลจึงเกิดความต้องการในตลาด โดยเฉพาะกับผู้ผลิตครีมหรือเครื่องสำอางต่างๆ ที่ต้องการไพลไปเป็นวัตถุดิบ เพื่อนๆ เกษตรกรหลายท่านจึงได้จับโอกาสนี้หันมาปลูกไพลเป็นพืชผสมผสานกับพืช โดยเฉพาะเพื่อนๆทางภายใต้ ที่มีต้นยางและปาล์มปกคลุมให้ร่มเงาแก่ไพล ทำให้ไพลเจริญงอกงามได้ดีมากเลยครับ ยิ่งฝนตกชุกก็เบาแรงเรื่องการดูแลน้ำท่าได้ดี

โดยทั่วไปถ้าเราจะไพลไม่เกิน 400 กิโลกรัมต่อไร่ในการเป็นพันธุ์ อาศัยการยกร่องเพื่อกันน้ำขังจนเหง้าเน่าตายและเว้นระยะระหว่างต้นประมาณ 15 เซนติเมตร โรยปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมแล้วนำหัวพันธุ์ลงปลูก คลุมด้วยหญ้าแห้งหรือฟาง รดน้ำให้พอชุ่ม หลังจากนั้นให้เติมปุ๋ยอินทรีย์ทุกเดือนครับ ไม่เกิน 2 ปีก็ได้เวลาเก็บเกี่ยวกันแล้วครับ

แต่ข้อควรระวังเวลาเก็บเกี่ยวคือระวังอย่าให้คมจอบไปสับลงบนเหง้าไพลทำให้ขายไม่ได้ เมื่อได้เหง้าขึ้นมาเราก็นำเหง้าไปตัดรากตัดใบออกแล้วล้างให้สะอาดแล้วนำไปขายได้เลยครับ ว่ากันว่าไร่นึงสามารถให้ผลผลิตถึง 6-10 ตันเลยนะครับ ลองนำราคาในตลาดมาคำนวณดูนะครับว่าปีนึงเราทำเงินจากพืชชนิดนี้ได้มากขนาดไหนครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook