สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) กับภาคการเกษตรในประเทศไทย

เราอาจจะได้ยินคำว่าอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่งหรือ Internet of Things (IoT) กันมาสักระยะหนึ่ง ในบทความนี้เราจะมาเล่าถึงภาพรวมของเทคโนโลยีนี้ในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยเราเพื่อให้เพื่อนๆ เกษตรกรเข้าใจและอาจจะหันมาสนใจนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น

อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง Internet of Things (IoT) คืออะไร?

อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง คือ เครือข่ายของวัตถุ อุปกรณ์ ยานพาหนะ อาคาร และสิ่งของอื่นๆ ที่ฝังตัวอยู่ในเซนเซอร์ ซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเหล่านี้สามารถสื่อสารระหว่างกันและให้ข้อมูลตามเวลาที่เป็นปัจจุบันที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน  ปัจจุบัน IoT ถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ ขนส่ง การผลิต และการเกษตร เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ เพิ่มผลผลิต และสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น

ภาคการเกษตรกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนแรงงาน  ซึ่ง เทคโนโลยี IoT ได้สร้างโอกาสที่สำคัญในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้และเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานของเกษตรกรและธุรกิจการเกษตร โดยอุตสาหกรรมการเกษตรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ นิยมนำอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่งมาใช้ในหลายรูปแบบ ยกตัวอย่าง

  • เกษตรแม่นยำ: คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพืชผลและปัจจัยการผลิตต่างๆ ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเพิ่มผลผลิตได้
  • ระบบชลประทานอัจฉริยะ: นิยมใช้เซ็นเซอร์และเทคโนโลยี IoT เพื่อวัดระดับความชื้นในดินและรูปแบบสภาพอากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชลประทาน ซึ่งทำให้ผู้เกี่ยวข้องคาดการณ์ปริมาณน้ำท่า และแหล่งน้ำต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกษตรกรสามารถใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตพืชผลในแปลงปลูกได้
  • การตรวจตราแปลงปลูกและการจัดการพืชผล: สามารถใช้อุปกรณ์อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง เช่น โดรนและเซ็นเซอร์เพื่อตรวจตราพืชผล ดิน และศัตรูพืชได้อย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายเรื่องแรงงานคนได้ ทำให้เกษตรกรสามารถใช้มาตรการเชิงรุกในการรับมือกับศัตรูพืชและโรคพืชได้ทันท่วงที ป้องกันความเสียหายที่เกิดจากปัญหาดังกล่าวได้
  • การติดตามและการจัดการปศุสัตว์: สามารถติดตั้งอุปกรณ์ IoT เพื่อตรวจสอบสุขภาพของปศุสัตว์ พฤติกรรม และการบริโภคอาหารสัตว์ ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดการสูญเสียได้
  • การจัดการห่วงโซ่อุปทาน : สามารถติดตามและตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตได้ในทุกกระบวนการ เริ่มตั้งแต่แปลงปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภค โดยให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับผลผลิต การกระจายสินค้า และคุณภาพพืชผล

โดยรวมแล้ว เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง หรือ IoT ได้เปิดโอกาสสำหรับเกษตรกรและธุรกิจการเกษตรในประเทศไทยในการปรับปรุงปริมาณผลผลิต ประสิทธิภาพการทำการเกษตร ลดของเสีย และเพิ่มกำไรได้ ส่งผลให้เกิดการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเกิดเกษตรกรรมยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทย

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook