กระเช้าสีดา หรือที่เรียกกันว่าเฟิร์นชายผ้าสีดา เป็นเฟิร์นที่มีลักษณะแตกต่างจากเฟิร์นชนิดอื่น นำมาใช้เป็นไม้ประดับตามแนวกำแพงหรือรั้วบ้าน และนำไปพันเกี่ยวไว้กับต้นไม้ใหญ่ให้ย้อยห้อยประดับสวยงามกลางสวนโดยไม่จำเป็นต้องดูแลมากเท่ากับเฟิร์นชนิดอื่น เมื่อรากยึดติดกับคาคบหรือกำแพงแล้วยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้นมากนัก นิยมนำมาประดับในสวนและจัดทำเป็นสวนหย่อม เพราะมีรูปลักษณะของใบที่โดดเด่น และทำให้เกิดความเขียวขจี สบายตา ทำให้กลายเป็นไม้ประดับราคางามที่หายากชนิดหนึ่ง และนอกจาจะใช้เป็นไม้ประดับแล้ว ยังสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นยาสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น กระเช้าสีดาทั้งต้น ใช้เป็นยาแก้บิด แก้ท้องเสีย ส่วนราก ปรุงเป็นยาหอม ขับลมในลำไส้ แก้หน้ามืดตาลาย เวียนศีรษะ ส่วนใบและผล ใช้เป็นยาไล่ลม ขณะที่ใบและยอดอ่อน สามารถนำมาใช้ประกอบอาหารทั้งเมนู ต้ม แกง หรือผัดได้
กระเช้าสีดานั้นจะมีใบ 2 แบบ คือใบที่ไม่สร้างสปอร์ มีลักษณะใบคล้ายโล่จึงเรียกกันว่า “ใบโล่” ที่จะเป็นใบใหญ่ ตั้งขึ้นด้านบน ขอบใบเว้า มีหยักโอบล้อมเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้เลี้ยงระบบรากที่ยึดติดกับต้นไม้ใหญ่หรือกำแพงที่อิงอาศัย โดยการห่อหุ้มของใบนั้นเป็นกลไกในการรวบรวมใบไม้ที่ร่วงเพื่อเก็บไว้เป็นอาหาร และยังใช้เป็นร่มเงากันแดดและลมให้แก่ราก และยังมีใบชายผ้าที่มีลักษณะคล้ายเขากวางเป็นแถบห้อยลงมา โดยใบชนิดนี้จะสร้างสปอร์ได้ ใบมีสีเขียวยาวประมาณ 40 เซนติเมตร มีอับสปอร์ที่ก้านใต้ใบมีลักษณะเหมือนถ้วย ซึ่งเราสามารถพบเห็นกระเช้าสีดาตามธรรมชาติได้มากในสวนยางพาราและป่าดิบชื้นทางภาคใต้ของไทยเรา รวมถึงป่าเบญจพรรณต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
การเพาะเลี้ยงต้นกระเช้าสีดา เพื่อขายสำหรับการจัดสวนนั้น นับว่าเป็นการสร้างรายได้ที่ดี เพราะเป็นต้นไม้สะสมและหายาก เพราะขยายพันธุ์ยาก แม้ว่าจะเป็นพืชที่ปลูกง่ายก็ตาม โดยวิธีดั้งเดิมเราจะใช้วิธีการเข้าป่าเพื่อไปนำต้นอ่อนในป่ามาขาย จึงทำให้พบเห็นตามร้านขายต้นไม้ได้น้อย แต่ในปัจจุบันนี้เราสามารถขยายพันธุ์ได้เองโดยการชำตา รอให้ต้นอ่อนเจริญเติบโตได้ประมาณ 3 นิ้วจึงนำไปปักชำในกระถางและวางไว้ในที่ร่มรื่นห้ลำต้นอ่อนแข็งแรงดีแล้วจึงย้ายไปรับแสงเพิ่ม หรือจะใช้ใบอ่อนมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้เกิดรากก็ได้ แต่อาจจะต้องใช้ความชำนาญและมีอาหารสังเคราะห์เข้าช่วย ส่วนวิธีที่น่าสนใจมากคือการนำสปอร์ของกระเช้าสีดามาเพาะในดินเหนียว ด้วยการนำใบชายผ้าที่มีอับสปอร์นั้นมาสับให้แหลก แล้วนำมาคลุกดินในกระถางแล้วปิดทับด้วยผ้า วางกระถางไว้ในที่ร่มที่มีอากาศเย็น อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส เมื่อต้นอ่อนมีความสูง 2 เซนติเมตรจึงนำไปปลูกและพ่นฝอยน้ำให้ชุ่ม รอจนโตเต็มที่จึงแบ่งเป็นกอเดี่ยวเพื่อปลูกและนำไปขายอีกทีครับ