การเลี้ยงหมูเนื้อ หรือ หมูขุนของเพื่อนๆ เกษตรกร มีการเลี้ยงกันมาอย่างยาวนานแล้ว ทำให้ในปัจจุบันมีการพัฒนาระบบการเลี้ยงและคุณภาพการเลี้ยงไปจนถึงการส่งออกของเนื้อหมู ให้ได้มาตรฐาน เพื่อสามารถแข่งขันในภาคการตลาดให้ขายในราคาที่สูงได้ แต่ก็ยังมีเพื่อนๆที่เลี้ยงหมูเนื้อไว้เพื่อบริโภคกันในครัวเรือนและส่งขายในตลาดขนาดเล็กอีกด้วยนะครับ สิ่งที่น่าสนใจคือการเลี้ยงหมูสัตว์เศรษฐกิจที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวัน ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ดี หากว่างจากการปลูกพืชทำสวนแล้วก็สามารถเลี้ยงหมูไว้บริโภคและขายเองได้ง่าย ๆ ครับ
หมูเนื้อ หรือ หมูขุนที่มีการนำมาเลี้ยงกันส่วนใหญ่มีทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ผสมได้แก่ พันธุ์แลนด์เรช เป็นหมูที่มีขนาดใหญ่มีขนสีขาว หูใหญ่ปรก เตี้ยขาสั้น ให้ลูกดกเหมาะสำหรับเลี้ยงไว้เป็นแม่พันธุ์และพ่อพันธุ์ อีกพันธุ์หนึ่ง คือ พันธุ์ลาร์จไวท์เป็นหมูตัวใหญ่ลำตัวยาว มีขนสีขาวเช่นกัน แต่จะสูง และสามารถเจริญเติบโตได้อย่างอุดมสมบูรณ์แข็งแรง ให้ลูกดกเหมือนพันธุ์แรก แต่หากเพื่อนๆเกษตรกรคนไหนเพิ่งเริ่มเลี้ยงหมูเป็นครั้งแรก หรือ กำลังมองหาหมูเนื้อที่สามารถทนกับสภาพแวดล้อมได้ดี ไม่เป็นโรคง่าย เลี้ยงง่ายและได้ราคาดี แนะนำให้เริ่มเลี้ยงหมูพันธุ์ผสมก่อนครับ โดยเป็นหมูพันธุ์ผสม 2-3 สายเลือด เพราะจะสามารถปรับตัวได้ดี ทั้งยังมีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย โดยเริ่มจากการซื้อลูกหมูที่หย่านมเรียบร้อยแล้ว มีน้ำหนักตัว 10-15 กิโลกรัม ลำตัวยาวดูแข็งแรง มีดวงตาใสไม่เป็นโรคและสามารถสังเกตได้จากคางหมูเนื้อ หากมีขนาดดีแล้วจะมีคางกว้างใหญ่ ทั้งยังมีขนสะอาดมันวาว เมื่อได้ลูกหมูมาแล้วให้ทำการถ่ายพยาธิและนำไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้เรียบร้อย จากนั้นก็ให้เตรียมโรงเรือนสำหรับเลี้ยงหมู
การเตรียมโรงเรือนสามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้ไม้กั้นล้อมรอบและมุงหลังคาให้เรียบร้อย แต่จะต้องเทพืชคอนกรีตไว้เพื่อป้องกันไม่ให้หมูขุดดิน และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย โดยคอกจะต้องมีพื้นที่ขนาด 3*4 เมตร จากนั้นก็ทำรางน้ำและรางอาหารเอาไว้ในคอก โดยคอกหนึ่งสามารถเลี้ยงลูกหมูเนื้อ หรือ หมูขุนได้ถึง 12 ตัว เมื่อหมูโตขึ้นจะต้องแยกหมูไปไว้คอกอื่น โดยเลี้ยงไว้แค่คอกละ 6 ตัวเท่านั้น ส่วนการให้อาหารหมูนั้นสามารถซื้ออาหารสำเร็จรูปให้เลยก็ได้ครับ แต่จะมีราคาสูงมาก หรือจะใช้อาหารผสมเองโดยนำปลายข้าว ข้าวโพด ปลาป่น ใบกระถิน และกากถั่วมาผสมในปริมาณที่มีโปรตีนเหมาะสมกับร่างกายของหมูที่เลี้ยงไว้ในแต่ละช่วงอายุก็ได้ครับ หรือจะซื้อหัวอาหารเข้มข้นของหมูมาผสมด้วย เพื่อให้หมูได้รับสารอาหารที่เพียงพอ โดยหัวอาหารหมูจะมีโปรตีนประมาณ 34-36 % เลยล่ะครับ เห็นไหมครับ ว่าการเลี้ยงหมูไว้เพื่อบริโภคหรือขายผสมผสานไปกับการทำเกษตรแบบเพาะปลูกนั้นไม่ได้รบกวนเวลาในการทำไร่ทำสวนของเรามากเลย แต่ยังสร้างรายได้ให้แก่เรามากขึ้นด้วยครับ