ทุเรียนพันธุ์ชะนี ถือเป็นราชาผลไม้ไทยพันธุ์ยอดฮิตเป็นทุเรียนสายพันธุ์ยอดนิยมไม่แพ้สายพันธุ์อื่น ทุเรียนพันธุ์ชะนี มีรสชาติหวาน กลิ่นหอม เนื้อแน่นและละเอียด มีความหนึบ เนียนเป็นเอกลักษณ์ ทุเรียนพันธุ์ชะนีเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่สร้างรายได้อย่างมากให้กับเกษตรกรมาอย่างยาวนาน ในปัจจุบันทุเรียนพันธุ์ชะนีมีราคาสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลคุณภาพผลผลิตของเจ้าของสวนที่ปลูก หากมีคุณภาพดีก็สามารถส่งจำหน่ายได้ราคาสูง เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ที่สร้างรายได้ให้กับเพื่อนๆ เกษตรกรได้อย่างมากมายเลยครับ
ความแตกต่างของทุเรียนพันธุ์หมอนทองและพันธุ์ชะนี สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค พันธุ์ชะนีจะให้รสชาติที่หอมหวานมัน กลิ่นจะแรง หากเป็นทุเรียนแก่จัดกลิ่นจะยิ่งฉุน เนื้อแห้ง ลูกเล็ก ส่วนพันธุ์หมอนทองจะมีเนื้อแน่นกรอบ เนื้อเป็นเส้นใย กลิ่นหอมกำลังดี เมล็ดลีบ ผลใหญ่ แต่ทั้งสองสายพันธุ์เป็นทุเรียนที่มีความต้องการในตลาดสูงทุกฤดูกาล
ต้นทุเรียนพันธุ์ชะนี เป็นไม้ยืนต้น ที่มีลักษณะทรงพุ่ม มีส่วนสูงไม่มากนัก มีใบขึ้นกระจัดกระจายลำต้นขึ้นเอนเอียงเล็กน้อย บางต้นก็แตกลำต้นเป็นสองกิ่ง ลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทาเปลือกขรุขระ ใบมีลักษณะเรียวปลายใบแหลม ผิวใบเรียบมีสีเขียวหลังใบมีสีน้ำตาลอ่อน ออกดอกสีขาวเป็นช่อ มีระบบรากแก้ว ส่วนผลนั้นมีสีเขียว หากสุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนเขียวเล็กน้อย เนื้อด้านในเป็นสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอมรุนแรง มีเมล็ดสีน้ำตาลอยู่ภายใน เนื้อรสชาติหวานมันอร่อย
วิธีการปลูกต้นทุเรียนพันธุ์ชะนีสามารถปลูกได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกโดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง การติดตา หรือการเสียบยอด โดยการปลูกแต่ละแบบจะต้องเลือกต้นพันธุ์ทุเรียนพันธุ์ชะนีที่แข็งแรง เพื่อให้สามารถทนต่อโรคต่างๆ และเจริญเติบโตได้ดี ต้นทุเรียนพันธุ์นี้สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่หากปลูกในดินร่วนปนทราย หรือ ดินที่มีการระบายน้ำได้ดี ต้นทุเรียนจะเติบโตเร็ว โดยให้เริ่มจากการเพาะต้นกล้าในถุงเพาะชำก่อน รอเวลาประมาณ 2-3 เดือนให้ต้นกล้าแข็งแรงก่อนนำลงปลูกลงบนแปลงที่เราเตรียมไว้ โดยก่อนลงปลูกให้นำดินตากแดดเพื่อกำจัดวัชพืชเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ แล้วจึงขุดหลุมปลูกเว้นระยะประมาณ 10×10 เมตร ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกรองก้นหลุมก่อนนำต้นพันธุ์ลงปลูกและกลบดิน
บริเวณแปลงปลูกควรมีแสงแดดส่องได้ทั่วถึง เพราะทุเรียนพันธุ์ชะนีชื่นชอบแสงแดดเป็นอย่างมาก การดูแลรดน้ำให้รดน้ำวันละ 1 ครั้งจนกว่าต้นจะแข็งแรง หลังจากนั้นให้ลดปริมาณการรดน้ำลง หมั่นดูแลกำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ยและตรวจตราโรคและแมลงศัตรูต่าง และตัดแต่งพุ่มและกิ่งก้าน หลังจากนั้นราว 5-6 ปี จะทยอยให้ผลผลิต และจะเริ่มติดดอกออกผลได้ดีมากเมื่อมีอายุ 10 ปี ครับ