สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นมะริด ไม้เนื้อแข็งมากประโยชน์

ต้นมะริด ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Velvet apple เป็นพืชในวงศ์มะพลับ มีถิ่นกำเนิดในป่าเขตร้อนของฟิลิปปินส์และไต้หวัน ก่อนที่จะกระจายพันธุ์ไปยังเกาะชวา มลายูและสิงคโปร์ในช่วงปลายทศวรรษ 1800 และกระจายไปยังไมอามี่ สหรัฐอเมริกา เกาะเบอร์มิวดาและคิวบา ปัจจุบันพบมากในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ศรีลังกา สิงคโปร์ อินเดีย บังคลาเทศ และพบได้ประปรายในออสเตรเลีย ฮาวาย และ ฟลอริดา ในฟิลิปปินส์และไต้หวัน นิยมนำเนื้อไม้มะริดที่มาใช้ประโยชน์ เพราะมีความแข็งแรง และความทนทาน ลายไม้สวย เป็นที่รู้จักกันในชื่อไม้ Kamagong หรือ “ไม้เหล็ก” ยิ่งสีเข้มจะยิ่งมีราคา โดยถูกนำมาใช้การก่อสร้างบ้าน ทั้งทำไม้พื้น เสา ประตู หน้าต่าง วงกบ เป็นต้น  หรือนำไปผลิตภัณฑ์เป็นเฟอร์นิเจอร์ ชั้นวางของและของประดับตกแต่งภายในบ้าน และยังนำมาใช้สำหรับทำเครื่องใช้ เช่น หวี ลูกปัดสำหรับสร้อยคอและเครื่องประดับ รวมทั้งเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ เช่นกีตาร์ ระนาด เป็นต้น  ในประเทศฟิลิปปินส์นั้น ไม้ชนิดนี้เป็นไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของฟิลิปปินส์ ส่วนไทยเรานั้นแม้ว่าจะเคยเป็นไม้หายาก แต่ปัจจุบันได้กลับมาเป็นไม้ป่ายอดฮิต ทำให้เกิดการขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นมาก

ต้นมะริดเป็นไม้ผลัดใบ มีความสูงเต็มที่ตั้งแต่ 10 เมตรจนถึง 30 เมตร ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูก เป็นต้นไม้ที่ให้ใบเขียวขจีทั้งปี ลำต้น เนื้อภายในลำต้นเป็นไม้เนื้อแข็ง มีสีเข้มออกแดง เนื้อเหนียว ทนทาน แตกกิ่งก้านจำนวนมาก ใบอ่อนมีสีเขียวอ่อนหรือชมพูมีขนอ่อนบางปกคลุมผิวใบ ใบแก่จะมีสีเขียวเข้ม แตกดอกบริเวณซอกใบเป็นดอกเล็กๆ กระจุกตัวที่เป็นช่อ กลีบดอกสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมเมื่อดอกบานสะพรั่งทั้งต้น ผลมะริด มีลักษณะคล้ายลูกท้อขนาดเท่าผลแอปเปิ้ล เปลือกของผลบาง ผิวเปลือกปกคลุมไปด้วยขนอ่อนราวกำมะหยี่ เนื้อผลไม่ละเอียด เนื้อสีเหลืองอ่อน มีความหวานเล็กน้อย

ส่วนต้นมะริดพันธุ์ไทยจะแตกต่างจะมะริดพันธุ์ฟิลิปปินส์เพราะพันธุ์ไทยมีดอกสมบูรณ์เพศ เลยสามารถให้เมล็ดและผลในต้นเดียวได้เลย เรียกได้ว่าปลูกต้นเดียวได้ครบทั้งไม้เนื้อแข็งลายสวยไว้ใช้ประโยชน์และขาย ได้เมล็ดสำหรับขยายพันธุ์และยังได้รับประทานผล หากหมั่นรดน้ำใช้เวลาราว 4-5 ปีก็จะเริ่มได้ผล สามารถนำเมล็ดมาเพาะเป็นกล้าพันธุ์ขายเป็นกล้าไม้โดยสามารถตั้งราคาขายได้ตามความสมบูรณ์ของต้นกล้า หรือนำไปปลูกเพิ่มเพื่อสะสมไว้ขายได้มูลค่าในอนาคต เพราะต้นมะริดนั้นเป็นต้นไม้ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นไม้หวงห้าม 158 ชนิด ที่อนุญาตให้เอกชนปลูกและตัดได้ ซึ่งเมื่อต้นไม้โตเต็มที่เนื้อไม้ที่ได้ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและขายได้ราคาดีขึ้นนั่นเองครับ ได้ทั้งระบบนิเวศ ได้ทั้งรายได้ กันเลยครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook