กระถินเทศ ต้นไม้ที่ให้ดอกเป็นสีเหลืองเจิดจ้า กลิ่นหอมจรุง จนได้ในประเทศฝรั่งเศสนิยมปลูกกันมาก เพื่อนำดอกสกัดเป็นน้ำหอม และใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงกลิ่นในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและอาหาร ต้นไม้ชนิดนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Sweet Acacia หรือ Cassie Flower บางที่ก็เรียกว่า Needle Bush ตามรูปลักษณะของดอกย่อยที่เป็นคล้ายเข็มปลายแหลมจำนวนมากที่รวมตัวกันเป็นดอกกลมปุยสวย แม้ว่าดอกจะไม่บานสะพรั่งพร้อมกันทั้งต้น แต่ก็สร้างความโดดเด่นสวยงามแก่ภูมิทัศน์ได้อย่างดี ในบ้านเรานั้นจะมีชื่อเรียกไม้สมุนไพรชนิดนี้หลายชื่อ เช่น ต้นบุหงาอินโดนีเซีย ต้นกระถินหอม ต้นคำใต้ และต้นมอนคำ เป็นต้น เป็นต้นไม้ที่นกมักจะมาทำรังไว้ เพราะมีหนามช่วยป้องกันภัยให้แก่ลูกนกจากสัตว์ใหญ่ และนกยังสามารถกินเมล็ดของผลกระถินเป็นอาหารได้
สมุนไพรกระถินเทศในตำราพื้นบ้านของไทยนั้นได้นำส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่น นำรากตากแห้งมาต้มในน้ำร้อนเพื่อดื่มเป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงปอดและระบบทางเดินหายใจ ในตำรายาล้านนาใช้กลั้วปากเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน ส่วนของยางจากรากนำไปผสมเข้าตำรับกับยาแก้ไอช่วยทำให้ชุ่มคอ ดอกใช้ชงกับน้ำร้อนหรือแช่กับสุราแก้อาการในช่องท้อง เปลือกต้นสามารถใช้เป็นยาทาบาดแผลบริเวณผิวหนังให้แผลแห้งเร็ว เป็นต้น
ลักษณะของต้นกระถินเทศ จะเป็นต้นไม้ผลัดใบทรงพุ่ม ลำต้นสูงได้ถึง 5 เมตร มีหนามแหลมปกคลุมบริเวณลำต้นกิ่งและโคนใบ แตกกิ่งก้านแบบสลับกันเป็นสีเขียวมะกอกอมเทา มีใบย่อยสีเขียวเข้มเรียงแบบตรงข้ามประกอบเป็นใบประกอบแบบขนนก ผลิดอกออกมาเป็นช่อกลมหลายช่อสีเหลือง กลิ่นหอม แตกผลเป็นฝัก ด้านในฝักมีเมล็ดแบนทรงรีจำนวนราว 15 เมล็ดเรียงตัวกันเป็นแถวคู่
การขยายพันธุ์สามารถทำได้โดยการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่งและตอนกิ่ง แต่โดยส่วนใหญ่จะใช้การเพาะเมล็ด โดยนำเมล็ดที่ได้จากฝักแก่มาแช่น้ำร้อนเพื่อให้เปลือกเมล็ดหลุดออก ก่อนจะนำไปเพาะ เพื่อให้ให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น เหมาะกับการปลูกในดินที่มีสภาพร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ควรปลูกในทำเลที่รับแสงแดดได้เต็มที่ เป็นไม้ทนแล้ง แต่หากประสบกับความแห้งแล้งจัดจะปรับตัวด้วยการผลัดใบออกจนหมด ดังนั้นควรรดน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเพิ่มจำนวนการรดน้ำในกรณีที่เกิดภาวะแล้งจัด ในกรณีที่ปลูกในบริเวณบ้านควรต้องระมัดระวังไม่ให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าถึงต้นไม้ชนิดนี้ เพราะหนามแหลมอาจจะเกิดอันตรายต่อเด็กและสัตว์เลี้ยงได้