สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

วิธีการเพาะเมล็ด เรื่องง่ายๆ ที่ต้องใส่ใจ

วิธีการเพาะเมล็ดเป็นหนึ่งในวิธีการขยายพันธุ์มะม่วง ซึ่งเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่ตลาดต่างประเทศชื่นชอบอย่างมาก สามารถจำหน่ายได้ทั้งผลสุกผลดิบและผลิตภัณฑ์แปรรูปนานาชนิด โดยในประเทศไทยเรานี้ได้มีการปลูกมะม่วงกันทั่วทุกภาค ทั้งปลูกเพื่อบริโภคกันเองหรือปลูกเพื่อเชิงพาณิชย์ โดยมีพันธุ์แตกต่างกันจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น มะม่วงแก้ว มะม่วงมหาชนก มะม่วงเบา มะม่วงเขียวเสวย เป็นต้น โดยการปลูกในเชิงการค้านั้น ก็สามารถแบ่งเป็นการปลูกเพื่อจำหน่ายผลสุก ผลดิบ หรือเพื่อนำไปแปรรูปอีกด้วย

การขยายพันธุ์มะม่วงมีด้วยกันหลายวิธีตั้งแต่การเพาะเมล็ด การทาบกิ่ง การติดตา การตอน เป็นต้น แต่ในบทความนี้เราจะมาชวนอ่านเรื่องวิธีการเพาะเมล็ดมะม่วง ที่เป็นวิธีที่เรารู้จักกันมาแต่ช้านาน การเพาะเมล็ดจะทำให้เราได้ต้นกล้าเยอะ และใช้เวลาในการงอกเร็ว ไม่ยุ่งยาก ต้นไม้จะมีรากที่สมบูรณ์ทำให้ลำต้นเติบโตได้ดีและทนต่อสภาพแวดล้อม แต่ข้อเสียก็คือให้ผลผลิตช้ากว่าการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ และอาจได้ต้นมะม่วงที่ให้ผลผลิตได้ไม่เหมือนพ่อแม่พันธุ์ เพราะอาจเกิดการกลายพันธุ์ มีสัณฐานและรสชาติที่แตกต่างจากพันธุ์ดั้งเดิมได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราควรต้องพิจารณาให้ดีก่อนเลือกวิธีการขยายพันธุ์

วิธีการเพาะเมล็ดมะม่วงสามารถทำได้ทั้งแบบการเพาะจำนวนไม่มาก ที่เราสามารถเพาะในถุงดำ กระถาง หรือภาชนะปลูกต่างๆ ที่หาได้ใกล้ตัว และสามารถเพาะในแปลงเพาะชำในกรณีที่ต้องการต้นกล้าจำนวนมาก แต่ก่อนอื่นจะต้องมีการคัดเมล็ดจากต้นแม่พันธุ์ที่มีลักษณะดี ที่มีการเติบโตดี หากจะเพาะทำต้นตอต้องเลือกพันธุ์ที่ทนทาน ไม่เป็นโรค ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี และควรเลือกเก็บเมล็ดที่แก่เต็มที่ เมื่อได้เมล็ดมาให้นำมาแช่น้ำแล้วคัดเก็บไว้เฉพาะเมล็ดที่จมน้ำเท่านั้น หลังจากนั้นใช้มีดเฉือนบริเวณปลายเมล็ดใกล้ตรงท้องเมล็ดออก และแกะเปลือกเมล็ดออก แล้วนำเฉพาะเนื้อในเมล็ดไปเพาะ ภายใน 7 วัน เพื่อจะได้เกิดการงอกที่ดีขึ้น หากทิ้งไว้นานอัตราการงอกจะลดลงเรื่อยๆ และอาจจะทำให้ต้นกล้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ได้

วัสดุเพาะที่ใช้สำหรับวิธีการขยายพันธุ์มะม่วงด้วยเมล็ดนี้ ให้ใช้ทราย 1 ส่วนและขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วนผสมกับปุ๋ยอินทรีย์แล้วรดน้ำให้ดินมีความชื้นพอเหมาะก่อนที่จะนำเมล็ดที่เตรียมไว้มาชำลงในแปลงหรือภาชนะปลูกโดยให้ฝังเมล็ดให้ส่วนท้องอยู่ด้านล่างและให้จมลงไปในวัสดุเพาะราว 5-6 เซนติเมตร ให้เมล็ดเอียงและให้ส่วนหัวเมล็ดพ้นจากทรายขึ้นมาราว 25% ของความยาวเมล็ด หมั่นให้น้ำอย่างเหมาะสมทุกวัน ใช้เวลาราว 7-20 วันก็จะเริ่มงอกให้เราได้ชื่นใจ หลังจากนั้นราว 3 เดือนจึงย้ายไปชำต่อไป

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook