สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นชํามะเรียง ไม้ผลพื้นบ้าน

ต้นชำมะเลียง ภาษาอังกฤษเรียก Luna nut ส่วนในไทยเรามีหลายชื่อตามท้องถิ่น เช่น ในจังหวัดตราดมักจะเรียกว่า โคมเรียง ทางอีสานเรียกพูเวียงหรือหวดข้าใหญ่ ทางเหนือเรียก ผักเต้า ส่วนภาคกลางนั้นเรียกทั้งชำมะเรียงบ้าน ชำมะเรียงสวน และพุมเรียง เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ ไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เขมร อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น ในบ้านเรานิยมนำยอดใบอ่อนมาเป็นส่วนประกอบของการทำแกงเลียง หรือจะนำมาเป็นผักแนมกับน้ำพริกทั้งเป็นผักสดและผักลวกก็มีรสชาติดีไม่แพ้กัน ผลสุกมีรสฝาดเฝื่อนรับประทานเป็นผลไม้สดหรือจะนำมาคั้นได้น้ำสีม่วงสวยไว้เป็นสีผสมอาหารก็ได้ และยังมีสรรพคุณด้านสมุนไพร ยกตัวอย่างมาเพียงบางส่วน เช่น รากใช้ถอนพิษไข้ ลดอาการร้อนใน ลดอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ผลสุกช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องร่วง เป็นต้น

ต้นชำมะเรียงเป็นไม้ยืนต้น ขนาดปานกลาง สูงราว 4-8 เมตร ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการควบคุมบำรุงรักษา นิยมปลูกแซมในหัวไร่ปลายนาเพื่อให้เกิดผลเป็นอาหารแก่นก เป็นไม้ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามธรรมชาติบริเวณป่าละเมาะ ป่าโปร่ง ที่ราบลุ่มแม่น้ำและชายทะเล ทั่วทุกภาคของประเทศไทย แต่จะพบได้มากแถบชายทะเลภาคใต้และภาคตะวันออก เพราะมีดินเค็มที่ต้นพืชชื่นชอบ และสามารถกระจายพันธุ์ไปตามธรรมชาติได้เรื่อย ๆ เพราะเป็นพืชที่มีการปรับตัวได้ดี ทนต่อแมลงและโรคพืช และเหมาะกับภูมิประเทศและภูมิอากาศร้อนในประเทศไทย

ลำต้นชำมะเรียงมีเปลือกนอกที่แตกเป็นสะเก็ด มีสีน้ำตาลแดง มีขนอ่อนปกคลุมบริเวณกิ่งและใบอ่อน ใบออกเรียงสลับแบบขนนก เป็นใบประกอบที่มีใบย่อยราว 5-7 คู่  ใบย่อยขอบขนาน โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบและใบทั้งสองด้านเรียบ ออกดอกเป็นช่อกะจะเกิดขึ้นบริเวณกิ่งและลำต้น ก้านดอกมีความยาวใกล้เคียงกัน ผลิดอกสีครีมสะอาดตาบริเวณด้านล่างของช่อก่อนที่จะค่อยๆผลิด้านบน ลักษณะคล้ายช่อกล้วยไม้ ช่อกะจะมีความยาวของช่อถึง 50- 70 เซนติเมตร ดอกในช่อจะมีคละกันทั้งดอกไม่สมบูรณ์เพศและดอกสมบูรณ์เพศ มีกลีบดอกจำนวน 5 กลีบ โคนกลีบแยกออกจากกัน โดยจะเริ่มผลิดอกในช่วงฤดูฝนไปจนถึงช่วงต้นฤดูหนาว ราวๆ เดือน มิถุนายนไปจนถึงเดือนธันวาคม หลังจากนั้นจะให้ผลที่เรามักเรียกกันว่า ลูกชำมะเรียง ที่ออกมาเป็นพวงใหญ่ ใน 1 พวงจะติดผลราว 30 ผล ผลมีลักษณะกลมป้อมบ้าง กลมรีบ้าง ขนาดราว 3 เซนติเมตร สีผลเขียวปนแดงเมื่อเริ่มผลิ แต่เมื่อแก่หรือสุกจะกลายเป็นสีม่วงเข้มเกือบดำ ผิวของผลเรียบเนียน เนื้อในของผลจะอ่อนนุ่มอุ้มนน้ำ หากสุกเต็มที่จะหวาน แต่หากยังไม่สุกจะมีรสฝาดเฝื่อนจึงต้องทำการคลึงให้นิ่มก่อนที่จะรับประทานเพื่อให้ผลมีความหวานมากขึ้น

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook