ต้นพวงคราม ไม้เลื้อยที่ให้ดอกเป็นช่อสีม่วงบ้าง สีขาวบ้าง ที่เรามักพบเห็นตามซุ้มประตูและแนวรั้วต่างๆ นั้น เป็นไม้ที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในประเทศเขตร้อยทางตอนใต้ของอเมริกาและแถบอเมริกากลาง ที่มักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับตั้งแต่ปานามาไปจรดเม็กซิโกและกระจายพันธุ์ไปยังเขตประเทศเมืองร้อนและอบอุ่นทั่วโลก มีลักษณะทั้งเป็นไม้เลื้อยและไม้ยืนต้นแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ เช่น พวงครามแอฟริกา พวงครามออสเตรเลีย พวงครามดอกขาว พวงครามต้นและพวงคราม
โดยทั่วไปเมื่อเรากล่าวถึงต้นพวงครามมักจะหมายถึงต้นช่อม่วง ที่นอกจากจะใช้ปลูกเป็นไม้ประดับแล้วยังสามารถนำดอกไม้มาคั้นเอาสีครามมาเป็นสีผสมอาหารเพื่อทำขนมหวานที่ชื่อขนมช่อม่วง ต้นพวงครามชนิดนี้จะเป็นไม้พุ่มหรือไม้เลื้อยที่มีลำต้นเป็นเถาแข็งๆ หากเป็นไม้พุ่มจะมีความสูงราว 4 เมตร และหากเป็นไม้เถาจะยาวประมาณ 12 เมตร ลำต้นมีสรเปลือกไม้สีน้ำตาลอ่อนผิวเกลี้ยงเมื่อแก่ ส่วนกิ่งอ่อนจะมีขนสั้นๆปกคลุมโดยทั่ว ใบทีลักษณะรียาว โคนใบมน หลายใบแหลม ผิวใบหนาสากมีขน สีเขียวแก่ แตกดอกเป็นช่อดระจะตามง่ามใบ ดอกจะทอดตัวย้อยลงเป็นช่อรวงสู่พื้น มีความยาวของช่อดอก 20-30 เซนติเมตร ประกอบด้วยดอกย่อยราว 30-40 ดอก บางชนิดดอกมีสีม่วง บางชนิดดอกมีสีขาว ติดดอกได้ยาวนาน ให้ผลทรงไข่ ด้านในมีเมล็ดเดี่ยว
สำหรับพวงครามต้น จะเป็นไม้ยืนต้นลักษณะของส่วนต่างๆ คล้ายคลึงกับพวงครามธรรมดาแต่ใบจะเป็นคลื่น กรอบและแข็ง สีใบเป็นสีเขียวสด ส่วนของช่อดอกจะไม่ห้อยลงแต่กลับชูยอดดอกขึ้น และขนาดของดอกย่อยจะเล็กกว่าและมีปริมาณดอกต่อช่อมากกว่า ส่วนพวงครามออสเตรเลียนั้นจะเป็นไม้เลื้อยเช่นกันแต่จะขนาดของใบและขนาดของดอกที่ใหญ่กว่าพวงครามธรรมดา ดอกมีสีสันสดกว่าและที่สำคัญคือออกดอกได้ตลอดทั้งปี จึงเป็นที่นิยมในตลาดในปัจจุบัน ทำให้มีการนำมาเพาะพันธุ์ขายกันมาก กลายเป็นช่องทางในการสร้างรายได้สำหรับเกษตรกรที่ชอบเพาะปลูกไม้ดอกไม้ประดับส่งจำหน่ายตามร้านขายต้นไม้ทั่วไป
โดยต้นพวงครามนั้นเราสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งวิธีตอนกิ่ง ปักชำ และเพาะเมล็ด โดยเน้นที่การปลูกในดินที่อุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี ควรเป็นดินร่วนซุยที่อุ้มน้ำได้พอดี สถานที่ปลูกควรรับแสงแดดได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่มีน้ำท่วมขัง เพื่อส่งเสริมให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี และให้ดอกจำนวนมากและมีสีสันสดใสสวยงาม หากเกิดน้ำขังต้นพวงครามอาจจะหยุดการเจริญเติบโตและเน่าตายได้