หลายครั้งที่เราปล่อยมะม่วงไว้บนต้นเพื่อให้มะม่วงค่อยๆ สุกเองตามธรรมชาติ แต่กลับเจอเชื้อโรคต่างๆ เข้ามาก่อกวนจนผลผลิตที่ได้รับเกิดการเน่าเสียก่อนที่จะได้นำมารับประทานกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตลงก่อนที่จะสุกคาต้น จนต้องหาวิธีการในการบ่มมะม่วงให้สุก ซึ่งมีวิธีการแตกต่างกันไปตามแนวทางการปฏิบัติของแต่ละคน ในแง่ของการค้านั้น อาจจะมีการบ่มในเชิงอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อน และอาจจะต้องมีการใช้กระบวนทางเคมีหรือทางชีวภาพมาช่วยในการเร่งการสุกภายใต้ข้อกำหนดด้านสุขภาพและมาตรฐานสินค้าทางการเกษตร
อันที่จริงแล้ว การสุกเป็นกระบวนการทางธรรมชาติของผลไม้ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเจริญเต็มที่ ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการบ่มมะม่วงเลย เมื่อมะม่วงเกิดภาวะสุก มะม่วงจะคงสภาพด้านสีผิวของผล เนื้อผล และรสชาติไว้ในช่วงระยเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการรับประทานมะม่วงอย่างได้รสชาติและผิวสัมผัสที่ดี หากเกินระยะเวลาที่คงสภาพได้ มะม่วงจะเริ่มมีสภาพที่ด้อยลงและเน่าจนไม่สามารถรับประทานได้
รื่องของความสุกของมะม่วงในบ้านเราส่วนใหญ่นั้น สีเขียวของเปลือกผลมมะม่วงจะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง เนื่องจากมีการผลิตคาโรทีนอยด์มากขึ้นและลดคลอโรฟิลด์ลง ขณะที่เนื้อในผลจะเปลี่ยนแป้งที่สะสมอยู่ไปเป็นน้ำตาลมากขึ้น ทำให้เนื้อผลมีความหวานเพิ่มขึ้น และเนื้อผลจะนุ่มลงเพราะโครงสร้างของผนังเซลล์และเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไปตามอายุของผลไม้และปริมาณแป้งที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาล และกลิ่นหอมที่เพิ่มมากขึ้นจากประกอบในผลมะม่วงในช่วงที่สุก ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นตัวชี้วัดความสุกที่เราสามารถมองเห็น สัมผัส และได้กลิ่น
สำหรับวิธีการบ้านๆ ที่เรานิยมทำกันในการบ่มมะม่วงนั้น คือ การบ่มด้วยการห่อผลมะม่วงไว้ในกระดาษหนังสือพิมพ์ แล้ววางไว้ในที่ที่ไม่ได้รับแสง ในอุณหภูมิปกติ ใช้เวลา 1-2 วัน ก็จะได้กลิ่นหอมของมะม่วงสุกแล้ว ในบางบ้านจะใช้วิธีนำมะม่วงดิบที่แก่ได้ที่ไปบ่มไว้ในถังข้าวสารโดยปิดฝาถังให้สนิทหลังจากนำมะม่วงไปวางไว้ เพื่อเร่งการสุกของมะม่วง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะสุกเร็วกว่าการห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และอีกวิธีหนึ่งที่สามารถกระตุ้นการสุกของมะม่วงในขณะบ่มที่นิยมทำกันมากในปัจจุบัน ในการบ่มมะม่วงจำนวนมากคือการนำใบขี้เหล็กมาใส่ไว้ในพาชนะที่จะบ่ม แล้วคัดเลือกมะม่วงที่แก่ได้ที่ นำไปบ่มไว้ในภาชนะหรือตะกร้าที่ใส่ใบขี้เหล็กและรองไว้ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เมื่อวางมะม่วงอย่างเบามือแล้วให้ทำการปิดทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เพื่อไม่ให้แสงเข้าถึง เพียงแค่นี้ก็รอให้มะม่วงสุกและได้สีผิวเหลืองสวยพร้อมรับประทาน