หนูนา สัตว์ตัวเล็กที่เราเคยพบเจอตามท้องนา ปัจจุบันหายากเต็มทน เพราะในนานั้นมีสารเคมีเยอะ และด้วยความที่หนูนานั้นคือสัตว์ที่ทำลายพืชในนา จึงถูกกำจัดออกไปจนเหลือจำนวนน้อย ทำให้ตลาดยิ่งมีความต้องการหนูนาสูง เพื่อนำมาปรุงเป็นอาหาร และผู้บริโภคก็ให้การยอมรับหนูเลี้ยงกันมากขึ้น เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องสารพิษตกค้างเหมือนหนูธรรมชาติครับ
หนูนาเป็นสัตว์ที่มีการขยายพันธุ์และเติบโตเร็ว อายุไม่ถึง 4 เดือนก็ผสมพันธุ์ได้แล้ว ไม่ถึงเดือนก็ได้ครอกใหม่มาเลี้ยงต่อ 8-10 ตัว ปีนึงสามารถออกลูกได้ถึง 12 ครอกเลยครับ เลี้ยงง่าย ได้น้ำหนักถึงเกือบ 1.5 กิโลกรัมต่อตัว ชำแหละเนื้อขายได้ราคากิโลกรัมละ 250 บาท จึงเป็นสัตว์ที่น่าลงทุนมากครับ
เริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมบ่อซีเมนต์ 2 วงซ้อนกัน บริเวณก้นบ่อต้องมีพื้นมิดชิดกันหนูมุดออก นำพ่อแม่พันธุ์ มาปล่อยลงไปในบ่อในอัตราส่วน พ่อพันธุ์ 1 ตัว ต่อ แม่พันธุ์ 2 ตัว ใน 1 บ่อ เราสามารถปล่อย ลงไป 3 ชุดครับ เพื่อประหยัดพื้นที่ พอครบ 14 วัน เราต้องเริ่มเช็คว่าตัวเมียตั้งท้องหรือยังโดยสังเกตที่นมหนูจำนวน 12 เต้า ว่าใสหรือขุ่น หากใสเหมือนเมล็ดข้าวสาร ก็แสดงว่าตั้งท้อง เราก็จะนำตัวที่ตั้งท้องแยกบ่อเพื่อจะได้บำรุงกันเต็มที่
ไม่ถึงเดือน 1 เดือนเราก็จะได้ลูกหนูนามาอีก 1 ครอก ต้องปล่อยให้อยู่กินนมแม่ไปจนกว่าจะหย่านม จึงแยกไปเลี้ยงในบ่อใหม่ ส่วนแม่พันธุ์ก็เตรียมผสมพันธุ์รุ่นต่อไป หนูที่นำมาปล่อยในบ่ออนุบาล เราก็ต้องให้หญ้าเป็นอาหารและเพิ่มอาหารเม็ดบ้างตามเหมาะสม เมื่อครบ 2 เดือน เราต้องมาคัดหนูนาแยกบ่อตามเพศ นำไปปล่อยบ่อละไม่เกิน 15 ตัว เมื่อหนูอายุได้ 3 เดือนครึ่ง และได้ขนาดเราก็สามารถนำไปขายเป็นหนูเนื้อหรือจะนำขายเป็นคู่พ่อแม่พันธุ์ก็ได้ครับ
อาหารที่เรานำมาเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ก็คือหญ้าและข้าวเปลือก ข้าวโพด และวิตามินเสริม สลับๆ กันไป และเราสามารถวางแผนเรื่องอาหารได้ง่ายมาก เพราะวงจรการเลี้ยงสั้น และสัดส่วนการกินอาหารต่อน้ำหนักมีความตายตัว คือหนูจะกินอาหารในสัดส่วนร้อยละ 10% ของน้ำหนักตัว เช่นน้ำหนัก 500 กรัม เราก็ให้อาหาร 50 กรัม และในช่วงเดือนแรกก็เลี้ยงด้วยนมแม่อยู่แล้ว เท่ากับว่าเราต้องเตรียมอาหารให้อีกเพียงไม่ถึง 3 เดือน หนูที่ตัวใหญ่ สมบูรณ์สามารถทำพ่อแม่พันธุ์ขายได้ ราคาถึงคู่ละ 800-900 บาท เพราะปัจจุบัน มีเพื่อนเกษตรกรจำนวนมากหาซื้อพ่อแม่พันธุ์กันอยู่ หรือจะขายเป็นเนื้อหนูก็ได้ราคาไม่น้อยเช่นกันครับ