ต้นยาสูบ เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกากลาง ถูกนำมาใช้เป็นยาเส้นเพื่อสูบโดยชาวอินเดียนแดงที่เป็นชนพื้นเมืองของอเมริกา จนพัฒนามาทำไร่ยาสูบกันอย่างกว้างขวาง แต่เดิมนั้นจะใช้ใบข้าวโพดมามวนใบยาแล้วจึงสูบ การกระจายพันธุ์ของต้นยาสูบเริ่มขยับขยายไปยังแถบละตินอเมริกา ยุโรป แอฟริกาและเอเชียในเวลาต่อมา โดยในไทยเรานั้นเริ่มนำเข้าใบยาสูบมาใช้มวนยาเส้นจากฟิลิปปินส์และจีน ก่อนที่จะนำมาปลูกในประเทศไทยเรา ปัจจุบันในประเทศเรานั้นมีเกษตรกรปลูกต้นยาสูบเพื่อส่งใบยาให้แก่อุตสาหกรรมการผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบและยังสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ สร้างเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ
ใบที่ได้จากต้นยาสูบถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายแบบ โดยทั่วไป ส่วนที่นำมามวนเป็นยาสูบหรือเติมในซิการ์จะเป็นใบอ่อน แต่หากต้องการใบที่มีกลิ่นแรงอาจจะเลือกใช้ใบแก่ อย่างที่เราเคยเห็นคนพื้นเมืองกลุ่มสูบยาฉุนหรือยาตั้ง โดยใบแก่นี้ยังสามารถนำมาผสมน้ำมันก๊าดแล้วลโลมบนศีรษะเพื่อกำจัดเหา และสามารถนำมาทำเป็นชีวภัณฑ์ควบคุมแมลงบางชนิดในต้นพืชได้ บ้างก็นำใบแก่ไปหมักเพื่อกำจัดไรไก่ หากจะเดินป่าในช่วงหน้าฝนสามารถนำใบแก่มาทุบแล้วทาที่ผิวหนังกันทากและปลิงเกาะตามขาได้ สารสกัดนิโคตินที่ได้จากใบยาถูกนำมาพัฒนาเป็นยาแก้ไข้ ขับปัสสาวะ กระตุ้นความจำ ส่วนของรากไม้ใช้ทารักษาอาการโรคผิวหนัง
ลักษณะของต้นยาสูบจะไม่มีกิ่งก้าน เป็นพืชอายุ 1 ปี มีความสูงราว 1.5 เมตร มีขนอ่อนปกคลุมบางๆ ไปทั่วทั้งต้น ใบเดี่ยวออกตามข้อของลำต้น ใบหนา ขนาดใหญ่ ปลายใบงอน ใบปกคลุมด้วยขนอ่อน ออกดอกสีแดงปนชมพูขาวที่ปลายยอดเป็นช่อยาว เริ่มบานจากโคนช่อไปถึงปลายยอดของช่อ โดยพันธุ์ของต้นยาสูบทั่วโลกมีมากกว่า 60 พันธุ์ และแต่ละพันธุ์จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป
การปลูกต้นยาสูบนั้น ต้องใส่ใจตั้งแต่เรื่องของต้นกล้าพันธุ์เพื่อให้เกิดอัตรารอดมากที่สุด และเติบโตได้ในเวลาใกล้เคียงกันเพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีความแก่เท่ากันและนำไปบ่มได้คุณภาพที่ดี และต้องเตรียมปรับปรุงดินให้เหมาะสม ยิ่งเป็นดินอุดมสมบูรณ์ที่ไม่เคยมีการเพาะปลูกจะยิ่งได้ผลดี เมื่อทำการเพาะกล้าครบ 40-45 วันและต้นกล้ามีความสมบูรณ์ จึงย้ายลงปลูกในแปลง ส่วนการเก็บเกี่ยวนั้นจะมีเทคนิคการเก็บคือให้เก็บใบแก่ในช่วงเช้า เพียงต้นละ 3-5 ใบ โดยเว้นระยะการเก็บแต่ละต้นให้ห่างกันประมาณ 7-10 วัน เพื่อให้ได้ใบยาที่มีคุณภาพดีก่อนที่จะนำไปบ่มต่อไป