ไม้ตัดใบ คือ ต้นพืชที่ปลูกเพื่อตัดใบมาขาย โดยมักจะนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดช่อดอกไม้ จัดแจกันและทำเป็นพวงหรีดหรือซุ้มประตูต่างๆ เป็นการนำใบไม้มาสร้างมูลค่า เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมูลค่ามหาศาล โดยประเทสผู้ส่งออกไม้ตัดใบรายใหญ่ของโลก คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่วนประเทศไทยเรานั้นปริมาณการส่งออกไม้ตัดใบเติบโตสูงขึ้นทุกปี ทำให้เกษตรกรหันมาให้ความสนใจในการปลูกเชิงพาณิชย์กันมากขึ้น แหล่งผลิตที่สำคัญจะอยู่ในจังหวัดแถบภาคกลางที่เป็นปริมณฑล เช่น นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี นครปฐม เป็นต้น ส่วนพันธุ์ไม้ประเภทเฟิร์นที่เหมาะต่อการปลูกบนพื้นที่สูงจะมีแหล่งผลิตในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ โดยมีแหล่งรับซื้อที่สำคัญคือปากคลองตลาด ตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง
ไม้ตัดใบที่นิยมปลูกกันในเชิงพาณิชย์สามารถแบ่งประเภทได้ตามลักษณะของรูปทรงของใบ ดังนี้
- ประเภทที่มีใบเป็นลักษณะเส้นยาว เช่น เฟิร์นใบมะขาม ต้นเฟิร์นข้าหลวง กวนอิม ลิ้นมังกร ที่นิยมนำมาจัดประดับเพื่อวางแนว
- ประเภทที่มีใบรูปทรงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือมีสีสันโดดเด่น เช่น เฟิร์นนาคราช มอนสเตร่า นิยมนำมาใช้ไม่มาก เพราะใช้ตอกย้ำความโดดเด่นบางจุดเท่านั้น
- ประเภทใบขนาดเล็กและใบขนาดปานกลาง เป็นประเภทที่นิยมใช้ในปริมาณมาก แม้จะเป็นใบที่ไม่สะดุดตาแต่กลับมีคนต้องการใช้งานสูง เช่น เล็บครุฑและหมากผู้กมากเมีย เป็นต้น
- ประเภทใบฝอยและใบเล็ก ที่มักจะนำมาจัดในช่อหรือแจกันเพื่อทำให้ช่อดอกดูละมุนขึ้นและทำให้ดูอ่อนโยนมากขึ้น ซึ่งมีปริมาณความต้องการในการใช้งานมากเช่นกัน
สำหรับเพื่อนๆ เกษตรกรที่สนใจจะปลูกไม้ตัดใบนั้น จะต้องศึกษาถึงตลาดที่รองรับผลผลิตที่มีอยู่นพื้นที่ เพราะหากไม่มีตลาดรองรับในบริเวณที่ใกล้เคียง อาจจะก่อให้เกิดค่าขนส่งมากขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องพิจารณาเรื่องของสภาพแวดล้อมว่าเหมาะสมกับการปลูกไม้พันธุ์ไหน และผลผลิตที่ได้มีความคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ หากต้องการผลิตในปริมาณมาก ไม้บางชนิดควรปลูกในโรงเรือนซึ่งช่วยควบคุมเรื่องของแมลงและควบคุมแสงได้ดี หรือหากจะปลูกในแปลงปลูกจะต้องวางแผนในเรื่องเงินลงทุนในส่วนของสแลนบังแดดที่ช่วยพลางแสงให้แก่พันธุ์ไม้ตัดใบแต่ละชนิดด้วย นอกจากนี้เรื่องของแหล่งน้ำที่จะต้องนำมาใช้ในการดูแลพืชจะต้องมีเพียงพอต่อพืชแต่ละชนิด หากพื้นที่ที่จะทำการปลูกมีตลาดรองรับ มีน้ำดี ดินพร้อม ทุนหมุนเวียนเพียงพอ และตัวเรามีความพร้อมในการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี และเลือกชนิดของไม้ตัดใบที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทั้ง ดิน น้ำอากาศ ย่อมมีโอกาสดีในการส่งผลผลิตออกจำหน่ายและเติบโตได้