สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ดอกซ่อนกลิ่น สมุนไพรซ่อนความหอม

ดอกซ่อนกลิ่นคือผลผลิตงดงามจากต้นไม้ดอกสมุนไพรที่อยู่วงศ์เดียวกันกับว่านหางจระเข้ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมมาจากทวีปอเมริกาใต้แถบอบอุ่น มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Tuberose ก่อนที่จะกระจายพันธุ์และเป็นที่รูกจักกันอย่างกว้างขวางในแถบอบอุ่นทั่วโลก ว่ากันว่าในประเทศไทยเรานั้นถูกนำเข้ามาปลูกตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเรียกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น ดอกซ่อนชู้ ดอกลีลา ดอกหอมไก๋ เป็นต้น สามารถพบได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศ แต่ไม่พบมากนักในภาคใต้ ในยุคโบราณจะนำมาใช้เป็นไม้ประดับตามงานศพเพื่อใช้ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ จึงเกิดความเชื่อว่าไม่ควรนำมาปลูกในบ้านเรือนเพราะเป็นลางอัปมงคล แตกต่างจากความเชื่อของทางบังคลาเทศและอินเดียที่เชื่อว่าพวงมาลัยที่ทำมาจากดอกชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังดีและส่งความสุข

สำหรับการนำดอกซ่อนกลิ่นไปใช้ประโยชน์นั้น พบว่าในประเทศจีนจะนำดอกไม้ไปตากแห้งเพื่อนำไปประกอบอาหาร ในการแพทย์พื้นบ้านได้นำส่วนต่างๆ ของต้นซ่อนกลิ่นมาใช้เป็นสมุนไพร เช่น เหง้านำมาใช้รักษาความเจ็บป่วยที่เกิดจากกระดูกและลดอาการอักเสบ ปัจจุบันดอกซ่อนกลิ่นถูกนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอมชื่อดังที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมทั้งนำมาหยดให้กลิ่นหอม ตามแนวทางการบำบัดด้วยกลิ่นหอม หรือ Aroma Therapy ที่ก่อให้เกิดความเย็นใจ ผ่อนคลาย ลดความกังวล

ต้นซ่อนกลิ่นเป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน เป็นแหล่งกักเก็บอาหาร ระบบรากเป็นระบบรากฝอย มีรากไม่มาก ความยาวของรากประมาณ 30 เซนติเมตร ลำต้นแตกขึ้นมาจากกอ สูงประมาณ 50-70 เซนติเมตร มีใบหนาผลิจากส่วนหัว ใบสีเขียว ลักษณะเรียวยาว มักแตกหน่อแผ่ออกมาด้านข้างจนเป็นกอขนาดใหญ่ แตกดอกเป็นช่อจากบริเวณกลางกอ ต้นละ 20-30 ช่อ แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยประมาณ 2-3 ดอก พันธุ์ลาจะมีดอกชั้นเดียว ส่วนพันธุ์ซ้อนจะมีดอกสองชั้น ดอกเมื่อเริ่มแตกออกมาจะเป็นสีเขียว ก่อนที่จะขยายขนาดและกลายเป็นสีขาวอมชมพู ดอกจะเริ่มบานจากบริเวณโคนช่อในตอนเย็นพร้อมทั้งให้กลิ่นหอมในตอนเย็นและตอนกลางคืน

การปลูกต้นดอกซ่อนกลิ่นที่นิยมทำกันมาก คือ การแยกหัว โดยคัดหัวที่มีความสมบูรณ์ มีอายุมากกว่า 3 ปี ไม่มีประวัติโรคพืชหรือแมลงศัตรูพืชรบกวน ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน หากทำเป็นแปลงปลูกควรมีกี่ยกร่อง เว้นระยะระหว่างต้นราว 30-40 เซนติเมตร เมื่อนำหัวมาลงปลูกแล้วให้หัวโผล่เหนือดินส่วนหนึ่งแล้วนำฟางแห้งมาคลุมทับ รดน้ำวันเว้นวัน แล้วค่อยเว้นระยะการรดน้ำเป็น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ใช้เวลาราว 3-4 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวดอกได้

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook