ไก่ต๊อก เป็นไก่ป่า ชอบวิ่งเล่นในบริเวณที่มีป่าโปร่งหรือทุ่งหญ้า เลี้ยงแบบปล่อยอิสระได้ดี ไม่ต้องดูแลมากและที่สำคัญคือให้ไข่ดกถึงตัวละ 40 ฟองและรสชาติของไข่ไก่ต๊อกนั้นมีรสชาติมันกว่าไข่ไก่ธรรมดาและไข่เป็ด จึงทำให้คนนิยมนำไปแปรรูปเป็นไข่เค็ม เพราะได้รสชาติมันถูกใจผู้บริโภค สำหรับเนื้อไก่ต๊อกนั้น สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารได้เหมือนกับไก่เนื้อทั้งหลายนั่นแหละครับ โดยเฉพาะเมนูลาบไก่ต๊อกที่เป็นนิยมกันมาก จนคนที่ได้รับประทานลาบเนื้อไก่ชนิดนี้ จะไม่อยากทานลาบไก่พันธุ์อื่นอีกเลย
ไก่ต๊อกเป็นไก่ขนาดสันทัด ลำตัวมีขนสีเทาดำแซมด้วยสีขาว จะงอยปากสีแดงสั้นๆ มีปีกไม่ยาวนัก นิยมเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์สวยงามและเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านได้ แต่สำหรับพวกเราผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรก็เลี้ยงไว้เพื่อหวังไข่กับเนื้อครับ เพราะเป็นที่เลี้ยงง่าย โตไว้ได้ไข่เยอะและได้น้ำหนักดีอีกด้วย เพื่อนๆ บางท่านก็เลี้ยงเพื่อขายต่อให้คนที่เขานิยมเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์สวยงามซื้อไปเลี้ยงต่อกันครับ
ไก่พันธุ์นี้เป็นสัตว์รักพวกพ้อง ไปไหนมาไหนจะไปเป็นฝูง เป็นไก่ที่เดินเลาะหาอาหารพวกหญ้าและเมล็ดพืชหรือแมลงเล็กๆตามพื้นดินกินเป็นอาหาร แต่หากเราจะนำมาเลี้ยงเพื่อการค้าก็ต้องเสริมอาหารกันบ้างครับ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และเราต้องมีการจัดทำโรงเรือนให้ไก่ได้บังแดดบังฝน และจัดทำสถานที่วางไข่ไว้ด้วยครับ เพราะไก่ต๊อกจะวางไข่ในพื้นที่ที่เหมือนเป็นป่าเท่านั้นครับ
บริเวณทำเลที่เราจะใช้ทำโรงเรือนนั้น ควรเป็นที่ดอนที่ไม่มีปัญหาน้ำท่วม และต้องมีต้นไม้ที่ใบบังแดดเพื่อให้ไก่อารมณ์ดี โรงเรือนต้องสะอาด อากาศถ่ายเทดี โล่ง โปร่ง กันฝนกันแดดได้ดี มีรางน้ำรางอาหารที่สะอาดและต้องหมั่นทำความสะอาดทุกวัน
หลังจากที่ไก่วางไข่ได้ 1 สัปดาห์ เราจะต้องเก็บไข่ไปเข้าตู้ฟักประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นไป เมื่อฟักออกมาแล้วภายใน 24 ชั่วโมงเราจะย้ายลูกไก่ไปไว้ในตู้กกที่เปิดไฟให้ความอบอุ่นและกันลมเข้าไปในตู้เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะค่อยๆ ปรับเวลาให้มีการปิดไฟในตู้กกในช่วงกลางคืน และปรับอาหารให้กินอาหารไก่เล็กและผสมวิตามินบี12ไปในน้ำดื่มเพื่อให้ไก่กินบำรุงน้ำหนักตัวไปด้วย
เมื่อกกครบ 1 เดือนเราต้องให้วัคซีนแล้วนำมาอนุบาลต่ออีก 2 สัปดาห์จนไก่อายุครบเดือนครึ่ง เราก็สามารถขายเป็นลูกไก่ได้แล้วครับ หรือจะเลี้ยงต่อให้ครบ 4 เดือนเพื่อให้เป็นไก่ต๊อกตัวใหญ่เพื่อใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป
