มะไฟนั้นเป็นผลไม้ที่มีอยู่ทุกพื้นที่ในประเทศไทยครับ โดยในภาคกลางนั้นจะเรียกชื่อว่า มะไฟ และภาคใต้นั้นจะเรียกชื่อว่าส้มไฟ โดยมะไฟในประเทศไทยนั้นมีอยู่มากมายหลากหลายสายพันธุ์ครับ แต่มะไฟที่มีราคาสูงในปัจุบันนั้นคือ มะไฟพันธุ์ทองสยามที่มีราคาประมาณ 80 บาทต่อกิโลกรัม ผู้บริโภคจะนิยมรับประทานผลของมะไฟแบบสด แต่ในบางที่นั้นอาจนำเอาผลไปปรุงรสอาหารให้มีรสเปรี้ยว รวมถึงเอายอดของมะไฟไปใช้ในการปรุงอาหารต่างๆได้อีกด้วยครับ ไม่เพียงเท่านั้น มะไฟยังมีสรรพคุณสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย
ต้นมะไฟนั้นสามารถออกลูกได้ถึง 60-70 กิโลกรัมต่อต้นเลยทีเดียวครับ หากเป็นพันธุ์ธรรมดาก็จะออกลูกแค่ปีล่ะครั้งครับ แต่ถ้าหากเป็นมะไฟพันธุ์ทองสยามแล้วจะออกลูกถึง 3 ครั้งต่อปีเลยล่ะครับ โดยทั่วไปเพื่อนๆ เกษตรกรนั้นจะนิยมปลูกมะไฟกันน้อย ทำให้มะไฟมีราคาที่สูง เหมาะแก่การทำเงินในช่วงนี้ได้อย่างมากเลยล่ะครับ หากใครกำลังมองหาพันธุ์ไม้ที่จะปลูกอยู่และต้องการผลผลิตในระยะยาวแถมยังดูแลได้ไม่ยาก มะไฟก็ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของเลยล่ะครับ เพราะมีการปลูกที่น้อยอยู่ในปัจจุบันทำรายได้ได้ดีอย่างแน่นอนครับ
ลักษณะของมะไฟนั้นเป็นผลไม้ที่มีเปลือกสีเหลืองเข้ม เปลือกนุ่ม เนื้อด้านในมีสีขาวขุ่น ออกลูกเป็นพวง โดยลักษณะผลนั้นจะมีรูปทรงกลมขนาดเล็ก เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว แต่หากเป็นมะไฟพันธุ์หวานแล้วจะมีรสหวานกว่าปกติพอสมควร ลำต้นของต้นมะไฟจะมีขนาดที่ไม่สูงจนเกินไป ซึ่งทำใหเราสามารถเก็บผลผลิตได้ไม่ยากอีกด้วยครับ
วิธีการปลูกมะไฟนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเสียบยอดหรือการเพาะเมล็ดครับ แต่วิธีที่จะมาแนะนำคือวิธีเพาะเมล็ด เพราะเป็นวิธีที่สามารถทำกันได้ง่าย มะไฟจะเป็นพืชที่ชื่นชอบความชุ่มชื้นเป็นอย่างมาก และไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีแสงแดดแรง ในการปลูกมะไฟจะเป็นผลดีมากหากมีต้นไม้อื่นพลางแสงไว้ให้มะไฟ หรืออาจจะเตรียมสแลนมาคลุมก็ได้นะครับ
ให้เราเตรียมดินด้วยการใส่ปุ๋ยคอก และดินนั้นจะต้องมีความชุ่มชื้นพอสมควร จะให้ดีควรเป็นดินร่วนปนเหนียว จากนั้นก็นำเอาเมล็ดที่เตรียมไว้ปลูกลงดินโดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นไว้ให้พอดี หรือถ้ามีพื้นที่น้อยก็สามารถปลูกแบบชิดได้นะครับ วิธีดูแลก็ไม่ยาก เพียงแค่รดน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่ต้นมะไฟได้ตลอดทั้งปี และควรต้องพ่นชีวภัณฑ์กำจัดเพลี้ยกันบ้างนะครับ ผลไม้รสเปรี้ยวแบบนี้เพลี้ยอาจกวนได้ครับ ใช้เวลาเพียง 2 ปีก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วครับ
