หลาย ๆ คนคงรู้จักแมงลักกันดี แต่คงมีน้อยคนที่จะรู้ว่าอาหารที่เรารับประทานในแต่ล่ะวันรวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่าง ๆ นั้นมีส่วนผสมมาจากใบแมงลักและเมล็ดของแมงลัก โดยชาวบ้านชอบนำใบแมงลักมาใช้ปรุงอาหารต่างๆ บ้างก็นำมารับประทานเป็นเครื่องเคียงอาหารบางประเภท เช่นขนมจีน ส้มตำ เป็นต้น ใบแมงลักนั้นสามารถดับกลิ่นคาวของอาหารบางชนิดได้ เพราะใบแมงลักจะมีกลิ่นฉุน นอกจากนี้ใบแมงลักยังสามารถสกัดเป็นน้ำมันสารระเหย นำมาผสมกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้อีกด้วย และยังสามารถเอาใบแมงลักที่ตากแห้งมาดื่มกับน้ำร้อนได้ด้วยครับ ไม่เพียงเท่านี้เมล็ดหรือผลของแมงลักยังมีประโยชน์โดยสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารได้
หากพูดถึงสรรพคุณของใบแมงลักแล้วก็มีอยู่มากเหมือนกันครับ โดยในใบแมงลักนั้นจะมีสารเบต้าแคโรทีนสูงซึ่งเป็นสารที่สร้างวิตามินเอขึ้นเพื่อช่วยบำรุงสายตา และยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้อีกด้วยครับ นอกจากนี้แล้วเรายังสามารถต้มใบแมงลักดื่ม เพื่อแก้อาการเจ็บคอรวมทั้งหลอดลมอักเสบและโรคไข้หวัดได้อีกด้วยครับ บ่อยครั้งที่มีงานวิจัยออกมาว่าผู้ป่วยที่รับประทานเม็ดแมงลักนั้นจะมีอาการดีขึ้นกว่าผู้ป่วยที่ไม่รับประทานเม็ดแมงลัก ทั้งเรื่องระบบขับถ่ายหรือการลดระดับน้ำตาลในโลหิตของผู้ปวดโรคเบาหวาน ทุกคนคงเห็นแล้วใช่ไหมล่ะครับว่าพืชต้นเล็กแต่สรรพคุณไม่น้อยไปกว่าพืชชนิดอื่นเลยครับ
ต้นแมงลักนั้นมีลักษณะคล้ายต้นโหระพาและต้นกระเพราเพราะเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน โดยใบแมงลักจะมีสีเขียวอ่อนกว่ามีลักษณะคล้ายใบกระเพราหรือโหระพาปลายใบโค้งหยักเล็กน้อย ลำต้นสีเขียวอ่อน ดอกมีสีขาวเป็นรวง มีรากแก้วและรากฝอยคอยพยุงลำต้น
วิธีการปลูกต้นแมงลักนั้นสามารถทำได้โดยวิธีปักชำโดยเริ่มจากการเตรียมดินไว้ให้พร้อมใส่ในถุงสีดำขนาดกลาง จากนั้นนำกิ่งต้นแมงลักที่เตรียมไว้มาปักลงในดิน โดยสามารถปลูกได้ถุงล่ะ 3-4 ต้น หากต้นแตกหน่อหรือรากแล้วสามารถย้ายปลูกลงดินได้โดยจะต้องเว้นระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 40 เซนติเมตรครับ และหากอยากให้ต้นนั้นโตเร็วขึ้นก็สามารถตัดแต่งกิ่งและรากก่อนนำลงปลูกในดินได้อีกด้วยครับ วิธีดูแลควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอรวมทั้งใส่ปุ๋ยทุกๆ 15วันครั้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถรอเก็บผลผลิตได้เลยครับ