ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของประเทศ ครอบคลุม 8 จังหวัด แบ่งเป็นกลุ่มภาคอีสานตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) และกลุ่มภาคอีสานตอนล่าง 2 (ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี) ด้วยลักษณะภูมิประเทศและสภาพธรณีวิทยาที่เอื้ออำนวย ประกอบกับการรวมกลุ่มของเกษตรกรและผู้ประกอบการในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนและ SMEs ที่เข้มแข็ง ทำให้ภูมิภาคนี้ได้รับการวางยุทธศาสตร์ให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัยที่สำคัญของประเทศ
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารในภูมิภาคนี้ยังประสบกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะการขาดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ส่งผลให้การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาดเป็นไปอย่างจำกัด รวมถึงปัญหาด้านมาตรฐานการผลิต การขาดตลาดรองรับ และราคาผลผลิตที่ตกต่ำ โครงการ RAINS for Thailand Food Valley จึงได้ถูกริเริ่มขึ้นเพื่อเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการยกระดับการผลิตและเพิ่มมูลค่าการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ่านแนวคิด BCG Model ด้วยการวิจัยเชิงพื้นที่และการวิจัยที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้จากสถาบันการศึกษาสู่การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม
โครงการวิจัย RAINS for Thailand Food Valley นี้เป็นความพยายามอย่างเป็นระบบในการพัฒนานวัตกรรมอาหารจากสัตว์ที่ครอบคลุมและเชิงลึก ประกอบด้วย 6 โครงการย่อยที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างครบวงจร โดยแต่ละโครงการย่อยได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ โครงการย่อยทั้ง 6 โครงการ ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาส้มตะเพียนหางแดง ปลาส้ม ปลานิลแดดเดียว ปลาวงอบแห้ง ไส้กรอกอีสาน และผลิตภัณฑ์เนื้อโคขุน ล้วนแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและศักยภาพของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากทรัพยากรท้องถิ่น
ทีมวิจัยได้ประยุกต์ใช้แนวคิด BCG Model อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การสร้างตราสินค้า และการพัฒนาช่องทางการตลาด กระบวนการวิจัยนี้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการและชุมชนอย่างแท้จริง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และพัฒนาศักยภาพของ SMEs และวิสาหกิจชุมชนแบบองค์รวม การถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้คำปรึกษา และการสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่ระดับสากล ซึ่งช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม มิติทางเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) ในโครงการนี้ปรากฏชัดเจนผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรท้องถิ่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และการใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เพื่อยกระดับคุณภาพ การมุ่งเน้นเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการลดของเสีย การนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ และการสร้างห่วงโซ่มูลค่าที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
ผลลัพธ์จากโครงการวิจัยนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การสร้างนวัตกรรมที่คำนึงถึงความยั่งยืนทางทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และสังคม นอกเหนือจากการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญให้กับอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยเฉพาะการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่มาตรฐานสากล การประยุกต์ใช้แนวคิด BCG Model อย่างบูรณาการใน RAINS for Thailand Food Valley จะเป็นตัวอย่างสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน ช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารในภูมิภาค สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และก่อให้เกิดการพัฒนาที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง