กระถินเทพาเป็นพันธุ์พืชยืนต้นขนาดกลางที่นำเข้ามาจากเมืองนอก โดยพบมากในเขตประเทศออสเตรเลียและโซนโอเชเนีย ทั้งบริเวณป่าละเมาะเลียบทะเลและที่ลุ่มริมน้ำ รวมทั้งท้องทุ่งโล่งแจ้งที่ไม่มีต้นไม้บดบัง โดยกระถินชนิดนี้สามารถปลูกได้ดีในบริเวณป่าเสื่อมโทรมเพราะเป็นพืชที่เจริญได้รวดเร็วในภูมิประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น แม้จะปลูกในดินที่มีสภาพไม่พร้อมเท่าไรนัก เช่น ดินเปรี้ยว หรือดินที่เป็นภูเขาไม่ใช่ที่ราบอย่างประเทศไทย
กระถินเทพา มีคุณลักษณะเด่นที่ลำต้นสูงตรงชะลูดไม่มีกิ่งก้านในช่วงลำต้นช่วงล่าง ทำให้สามารถใช้ลำต้นไปทำประโยชน์ได้มาก เช่น ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ผลิตเป็นเยื่อกระดาษ ไม้อัด และนำมาทำเป็นไม้แบบก่อสร้าง มีกิ่งตรงยอดของต้น แตกเป็นทรงพุ่ม จึงทำให้เป็นต้นไม้ที่นิยมนำมาปลูกเพื่อให้ร่มเงา เปลือกลำต้นหนา ขรุขระ และแข็ง แตกยาวตลอดลำต้น แตกดอกเป็นรวงช่อสีครีม กลิ่นหอม มีฝักขดม้วนสีน้ำตาลแก่สามารถนำมาใช้เป็นสีย้อมผ้าได้
นอกจากนี้ ใบ ดอก และเกสรของต้นกระถินเทพายังสามารถนำมาเลี้ยงผึ้งและแมลงต่างๆ ได้ เพราะตรงโคนใบกระถินเทพาจะอุดมไปด้วยน้ำหวานที่เป็นแหล่งอาหารของผึ้ง จึงทำให้ผึ้งธรรมชาติมักบินมาตอมที่ใบและดอกเสมอ และด้วยความที่กระถินเทพาเป็นไม้โตเร็ว จึงถูกจัดให้เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่น่าจะสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานทดแทนเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิลอีกด้วย และยังมีเพื่อนๆ เกษตรกรที่เลี้ยงแพะนำใบกระถินเทพาแห้งมาใช้เป็นอาหารหยาบในการเลี้ยงแพะอีกด้วย
ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสนใจไม่น้อยครับ ที่เราควรจะมาทำความรู้จักและรู้วิธีการเพาะปลูกกระถินเทพา เผื่อเพื่อนๆ เกษตรกรท่านใดสนใจจะนำไปปลูก เพราะถือว่าเป็นพืชที่มีอนาคตทีเดียว การเตรียมพันธุ์ไม้นั้น เราสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการตอนกิ่งและปักชำกิ่ง แต่หากจะเป็นสวนก็คงจะต้องเพาะพันธุ์ด้วยเมล็ดพันธุ์ ด้วยการนำเมล็ดไปแช่ในน้ำร้อนจัด ประมาณ 30 วินาที โดยให้ปริมาณเมล็ดและน้ำอยู่ในอัตราส่วน 1:10 แล้วนำไปแช่น้ำอุณหภูมิไม่เกิน 25 องศา ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วจึงนำเมล็ดที่แช่ไว้ไปโรยลงในกระบะเพาะ หลังจากเมล็ดเริ่มงอกได้ประมาณ 2 สัปดาห์ให้ทำการย้ายชำต่อไป และรดน้ำทุกเช้าเย็น ตลอดระยะเวลา 3-6 เดือนแรก ก่อนที่จะตัดแต่งรากแล้วนำไปลงปลูกในแปลงในช่วงฤดูฝน
โดยเฉลี่ยแล้ว เราจะปลูกต้นกระถินเทพาประมาณ 400 ต้นต่อไร่ โดยเว้นระยะ 2*2 เมตร และหากพบต้นที่ไม่สมบูรณ์ให้ทำการถอนออกและปลูกซ่อม เพื่อให้เติบโตทันรุ่น และให้ทำการกำจัดหญ้าศัตรูพืชอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากดินที่ปลูกนั้นไม่มีอินทรีย์วัตถุเพียงพอควรเติมปุ๋ยเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับธาตุอาหารเพียงพอที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วครับ ประมาณ 6 ปี ก็สามารถตัดฟันมาใช้ประโยชน์ได้แล้วครับ