สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ผักปลัง ผักเศรษฐกิจสร้างรายได้

ผักปลังเป็นผักพื้นบ้านขึ้นตามรั้ว ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าผักเถาวัลย์ชนิดนี้จะสามารถสร้างรายได้งาม เพราะในสมัยก่อนนั้นผักปลังเป็นเพียงผักพื้นบ้านที่พบอยู่มากในภาคเหนือและภาคอีสาน นอกจากผักปลังจะมีอยู่ในทวีปเอเชียรวมถึงบ้านเราแล้วยังพบได้ในทวีปแอฟริกาอีกด้วยครับ โดยจะเป็นพืชที่อุ้มน้ำได้ดีเหมาะที่จะอยู่ในเขตร้อนชื้น ซึ่งชาวบ้านนิยมนำผักปลังไปบริโภคและประกอบอาหารเนื่องจากรสชาติของผักปลังนั้นมีรสชาติหวานและนุ่ม ถือเป็นผักที่มีรสชาติดีอีกหนึ่งชนิดเลยก็ว่าได้ จนทำให้ร้านสะดวกซื้อชื่อดังต้องกวาดซื้อผักปลังมาจากเหล่าเพื่อนๆ เกษตรกรรายใหญ่กันเลยครับ สร้างรายได้อย่างมหาศาลสำหรับเกษตรกรหลายราย

หากเพื่อนๆ สนใจที่จะหันมาปลูกผักปลังก็ทำได้ไม่ยากครับ เพราะผักปลังนั้นเป็นไม้ล้มลุกที่ไม่มีศัตรูพืชทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สารเคมี ขึ้นชื่อเรื่องการปลอดสารพิษจนเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้บริโภคหลายรายเลยทีเดียว และหากเพื่อนๆ อยากได้ผักปลังที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในตลาดการค้า เพียงแค่ใส่ปุ๋ยหมักหรือน้ำหมักชีวภาพ เพียงเท่านี้ก็จะได้ผักปลังที่มีก้านอวบและใบแข็งแรงแล้วครับ

ผักปลังเป็นพืชล้มลุก มีก้านสีเขียวอ่อน อวบอิ่มน้ำ ขึ้นได้ดีในที่อากาศร้อนชื้น ชอบขึ้นในหน้าฝนมีใบอวบเล็ก ปลายใบเรียว นิยมนำมารับประทานเป็นอาหารกันครับ วิธีการเพาะปลูกผักปลังสามารถทำได้ 2 วิธีคือการเพาะเมล็ดและการปักชำครับ แต่วิธีที่เหมาะสมก็คงจะเป็นวิธีการเพาะเมล็ดเพราะจะให้อายุของต้นผักปลังที่นานกว่าวิธีการปักชำ ทำให้เก็บเกี่ยวได้มากกว่า

โดยวิธีการเพาะผักปลังให้เริ่มจากการนำเมล็ดที่แก่จัดมาเพาะลงในถุงเพาะชำ โดยให้นำดินร่วนผสมกับแกลบดำและปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ปุ๋ยชีวภาพรองไว้ในถุง จากนั้นเมื่อแตกกิ่งก้านขึ้นมาแล้ว ก็ให้นำไปปลูกลงแปลงโดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถวพอสมควร เพื่อให้การเก็บเกี่ยวเป็นไปได้อย่างสะดวก โดยขุดหลุมให้มีขนาดความกว้าง ยาว ลึกเท่าๆ กัน ประมาณ  50x50x50 เซนติเมตร เมื่อผ่านไป 2 อาทิตย์ก็ให้ใส่ปุ๋ยชีวภาพประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อต้น ในขณะที่ใส่ปุ๋ยชีวภาพต้องระวังไม่ให้โดยใบเพราะจะทำให้สร้างความเสียหายต่อใบพืชได้ครับ

หลังจากการปลูกลงแปลงประมาณ 2-3 อาทิตย์ ผักปลังก็จะอวบอิ่มชูช่อขึ้นมาเต็มตัว ก็สามารถเก็บเกี่ยวใบได้ไม่ต้องรอให้ต้นโตขึ้นมากกว่านี้ โดยเพียงแค่ตัดบริเวณยอดให้มีความสูงจากดินไม่เกินประมาณ 1 ไม้บรรทัด หรือ 30 เซนติเมตร ก็นำออกไปขายสร้างรายได้ได้เลยครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook