จุลินทรีย์จาวปลวกเกิดจากการที่ปลวกขับถ่ายมูลออกมา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเกิดจากมูลของปลวกนั่นเองครับ โดยมูลของปลวกจะมี 2 แบบ แบบแรกจะมีลักษณะแข็งประกอบไปด้วยเศษพืช รวมทั้งเศษไม้ต่างๆโดยปลวกจะนำมูลชนิดแรกมาใช้ในการสร้างเป็นรังที่อยู่อาศัยเพราะเป็นมูลที่มีลักษณะแข็ง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะปลวกย่อยสิ่งที่กินเข้าไปภายในเวลารวดเร็วทำให้มูลออกมาแข็ง ส่วนมูลของปลวกแบบที่สองนั้น เกิดจากการที่ปลวกกินเชื้อราลักษณะสีขาวที่เกิดในบริเวณรังปลวกเข้าไป ทำให้ขับถ่ายออกมาเป็นของเหลว ต่อมาเมื่อปลวกได้ทิ้งรังของมันไป เชื้อราที่อยู่ในรังนั้นก็จะเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นเห็ดโคน ซึ่งการนำจาวปลวกมาทำเป็นจุลินทรีย์นั้นทำได้โดยวิธีการขุดจอมปลวกซึ่งมีจาวปลวกอยู่มาใช้ผลิตเป็นจุลินทรีย์จาวปลวกครับ
จุลินทรีย์จาวปลวกมีประโยชน์อย่างมากในเชิงการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการใช้จุลินทรีย์จาวปลวกในการเพาะปลูกเห็ดโคนหรือเห็ดชนิดอื่น โดยการนำน้ำจุลินทรีย์จาวปลวกที่ได้มาราดบริเวณจอมปลวกซึ่งได้พรวนดินไว้เรียบร้อยแล้ว หรือบริเวณโคนต้น รวมถึงถุงเพาะต่างๆ หรือการนำจุลินทรีย์จาวปลวกมาสลายฟางข้าวในแปลงนาให้ย่อยสลาย และปรับปรุงสภาพดินให้พร้อมในการเพาะปลูกข้าวต่อไป โดยการนำน้ำจุลินทรีย์จาวปลวกจำนวน 10 ลิตรปล่อยเข้าไปในแปลงนาหนึ่งไร่ จากนั้นก็ทิ้งไว้ในแปลงเป็นเวลา 7 วันโดยจะต้องกะประมาณระดับน้ำให้ฟางข้าวจมอยู่ใต้น้ำพอประมาณ จากนั้นเมื่อครบ 7 วันแล้วก็จะทำให้ได้ดินร่วนที่เหมาะกับการปลูกข้าวและพืชพันธุ์ชนิดอื่น
ในการบำรุงพืชผักโดยจุลินทรีย์จาวปลวก ก็ทำได้ไม่ยากนะครับ เพราะจุลินทรีย์ชนิดนี้ จะเป็นตัวไปกระตุ้นให้ธาตุในดินเข้าไปสู่รากของพืชผักได้มากขึ้น เพราะถือว่าเป็นโปรโตชัวนั่นเอง ในบางแห่งยังนำน้ำหมักชนิดนี้ไปจัดการน้ำเสียในบ่อบำบัดต่างๆ อีกด้วย โดยเฉพาะในฟาร์มปศุสัตว์ ที่มีน้ำเสียเยอะ แค่เทจุลินทรีย์จาวปลวกลงไป ไม่กี่วันความเหม็นเน่าต่างๆ ก็จะสลายไปครับ
จุลินทรีย์จาวปลวกสามารถทำได้ด้วยวิธีการขุดเอารังปลวกที่มีจาวปลวกขึ้นมาจากนั้นนำมาผสมกับข้าวสารและน้ำสะอาดในปริมาณที่เท่ากันและนำไปหมักใส่ไว้ในถังหรือภาชนะที่มีฝาปิดแต่จะต้องให้ปริมาณน้ำหมักในถังไม่สูงจนถึงปากถังต้องเว้นระยะปากถังไว้ประมาณพอดี เพื่อไม่ให้เกิดแรงดันเมื่อจุลินทรีย์ทำปฏิกิริยากันจนระเบิดออกมาได้ เพียงเท่านี้ก็ได้จุลินทรีย์จาวปลวกมาใช้ประโยชน์ในการเกษตรกรรมแล้วล่ะครับ