สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ว่านงาช้าง เลี้ยงดูง่าย ขยายพันธุ์เองก็สะดวก

ว่านงาช้าง คือ หนึ่งในว่านที่ได้รับความนิยม โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาได้รับคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมากจากต่างประเทศ เช่น ยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และ จีน แต่ในปัจจุบันเริ่มซาลงไป แต่เหล่าบรรดาคนรักต้นไม้ในบ้านเราโดยทั่วไปก็ยังนิยมปลูกกัน ยิ่งโดยเฉพาะในปีนี้เป็นปีที่มีกระแสนิยมเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายมากที่สุด เพราะมีดาราหรือคนดังในสังคมหลายคน ได้นำเอารูปภาพไม้ประดับตกแต่งบ้านของตัวเอง มาโชว์ให้ดูกันในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลทำให้ว่านงาช้างและไม้ประดับอีกหลายๆ ชนิด ที่มีอยู่บ้านคนดังเหล่านี้ กลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังขึ้นมา อย่างเช่น ไทรใบสัก ยางอินเดีย กวักมรกต พลูด่างใบฉลุ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดเป็นกระแสขึ้นมา ก็ทำให้สื่อต่างๆ ในโลกออนไลน์ต่างพากันนำเสนอข้อมูล สรรพคุณ ข้อดี ของบรรดาต้นไม้ยอดฮิตเหล่านี้ กัน และได้สร้างความคึกคักให้แก่วงการไม้ประดับมากพอสมควร

ปัจจุบันมีสวนเกษตรที่เพาะพันธุ์ว่านงาช้างเพื่อขายส่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมหลายราย และการที่ว่านงาช้างเป็นที่นิยมกลับคืนมา อีกส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อที่ว่าเป็นว่านมงคล ที่ให้คุณทางด้านการค้าการขาย ช่วยเกื้อหนุนความร่ำรวย บวกกับมีรูปร่างแปลกตา เมื่อปลูกในกระถางนำมาตกแต่งบ้านก็ดูทันสมัย ว่านชนิดนี้เป็นว่านที่มีเหง้า เป็นลำต้นใต้ดิน  ส่วนที่เป็นใบสีเขียวจะมีลักษณะคล้ายหน่อที่อวบน้ำ แทงขึ้นมาเหนือดิน ทรงใบอวบตั้ง ตรงปลายแหลมดูคล้ายงาช้าง พันธุ์ใหญ่ที่สุดมีใบยาวได้ถึง 1 เมตร  ออกดอกเป็นช่อ โดยมีก้านดอกแทงขึ้นมาจากเหง้าใต้ดิน ดอกย่อยสีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ปลูกกันโดยทั่วไปมี 3 ชนิด อันแรกคือว่านงาช้างเขียว หรือหอกสุรกาฬ ใบสีเขียวมีลวดลายจางๆ มีร่องใบเป็นเส้นตามแนวยาวชัดเจน   ชนิดที่สองคือว่านงาช้างลาย หรือหอกสุรโกฬ จะมีลวดลายใบที่เด่นชัดมาก แต่มีร่องใบจางๆ และ ชนิดที่สามคือ ว่านงาช้างแคระ (พันธุ์บอนเซล) ซึ่งนิยมเลี้ยงในกระถางเล็กๆ วางประดับในบ้าน ในคอนโดฯ บนโต๊ะทำงาน หรือในห้องนอนคล้ายเลี้ยงต้นกระบองเพชร

ในปัจจุบันคนที่ปลูกว่านงาช้าง มักจะมุ่งความเป็นมงคลหรือเน้นความสวยงาม มากกว่าสรรพคุณด้านสมุนไพร ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น รักษาผดผื่น แผลติดเชื้อเป็นหนอง ช่วยให้แผลแห้ง เป็นต้น นอกจากนี้คนจะนิยมปลูกว่านงาช้างแคระมากที่สุด โดยปลูกใส่กระถางไว้ภายในตัวบ้าน เพื่อสร้างความสดชื่นให้กับอากาศในบ้าน เพราะต้นว่านจะคายก๊าซออกซิเจน ออกมาในเวลากลางคืน  ส่วนเรื่องการดูแลรักษานั้นทำได้ง่าย โดยรดน้ำเพียงสัปดาห์ละ1-2 ครั้ง และ นำไปตากแดดบ้างเมื่อมีเวลาว่าง ส่วนวิธีขยายพันธุ์ก็ง่ายเพียงขุดเหง้าอ่อนออกมาแยกปลูกเป็นต้นใหม่ หรือใช้วิธีตัดโคนใบมาปักชำในกระถาง โดยใช้ปุ๋ยคอก ผสม กับขุยมะพร้าว ในอัตรา 1:4  ซึ่งว่านจะเติบโตได้ดี มีลำต้นสวยหากดินมีความร่วนซุย และมีอินทรียวัตถุสูง รวมถึงมีความชื้นอยู่เสมอ แค่นี้เราก็มีว่านสมุนไพรมงคลไว้ประดับบ้านและใช้เพื่อเป็นสมุนไพรในครัวเรือนได้ครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook