สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ผักหวานป่า ผักกินยอดนิยม

ผักหวานป่า เป็นผักใบที่พบได้ทั่วไปในประเทศเขตเอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ ในบริเวณป่าเต็งรัง ป่าผลัดใบและไม่ผลัดใบที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง (น้อยกว่า 800 เมตร) เป็นไม้ยืนต้นขนาดพอประมาณ มีความสูงไม่เกิน 15 เมตร เป็นไม้ทีมีเนื้อแข็ง ผิวเปลือกไม้ภายนอกลำต้นเรียบเนียนเมื่อยังอ่อน แต่จะเริ่มสีน้ำตาลเข้มขึ้นและแตกเป็นร่องลึกเมื่อมีอายุแก่ขึ้น

ส่วนของรากต้นผักหวานป่าถูกนำมาใช้เข้าตำรับยาแผนไทย เพื่อบรรเทาอาการเป็นไข้ แก้ร้อนใน เหมาะนำมาปรุงอาหารในช่วงฤดูร้อนเพราะมีฤทธิ์เย็น ส่วนของยอดผักหวานมีเสน่ห์ต้องความกรอบหวาน นิยมนำมาตากแห้งแล้วแปรรูปเป็นยาลดไข้ บรรเทาอาการร้อนในกระหายน้ำ และยังนำใบตากแห้งไปชงเป็นชาเพื่อดื่มชะลอวัยอีกด้วยครับ ส่วนของลำต้นนำมาบำรุงน้ำนมแม่ลูกอ่อนได้ ส่วนยางของผักหวานป่า นำมาใช้รักษาฝ้าขาวที่ลิ้นในเด็กด้วยการป้ายมากวาดคอ

ส่วนของใบอ่อน อุดมไปด้วยวิตามิน สารอาหารและเกลือแร่ โดยเฉพาะแคลเซียมที่หน้าที่เสริมสร้างกระดูกและฟัน ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ดี มีวิตามินซีสูง ส่งผลให้ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังและยังชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น มีวิตามินเอสูง ช่วยให้การมองเห็นตอนกลางคืนดีขึ้น มีไฟเบอร์สูงช่วยกระตุ้นการขับถ่ายให้ดีขึ้น โดยยอดอ่อนนิยมนำมาปรุงสุกก่อนรับประทาน เพื่อป้องกันอาหารแพ้สารออกฤทธิ์บางชนิดในผักหวานป่า

ผักหวานป่านั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือพันธุ์ยอดเหลืองและพันธุ์ยอดเขียว ซึ่งพันธุ์ยอดเขียวนั้นจะสามารถให้ผลผลิตได้เร็วกว่า หากเพื่อนๆ เกษตรกรต้องการปลูกผักหวานป่าบนแปลงปลูก สามารถปลูกแบบเป็นพืชผสมแซมกับไม้หลักในแปลง เพราะไม้หลัก เช่น มะขามเทศ จะได้ให้ร่มเงา อำพรางแสงแดดไม้ให้ทำลายต้นผักหวานป่าได้ แต่หากไม่ปลูกแซมกับพันธุ์ไม้อื่น ก็ต้องมีการปลูกไม้ทำร่มขึ้นมาก่อนเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

โดยทั่วไปเราจะนิยมปลูกในช่วงก่อนเข้าฝน ทำได้ทั้ง ปักชำ ตอนกิ่งและเพาะเมล็ด แต่วิธีเพาะเมล็ดนั้นมีโอกาสงอกสูงกว่าวิธีอื่นๆ โดยเราจะต้องทำการเตรียมเมล็ดจากผลผักหวานที่แก่จัด สังเกตจากสีผลออกเขียวแกมเหลือง บดเอาเมล็ดออกมาโดยการใช้ทรายขยี้แรงๆ และล้างเนื้อผลออกให้หมดเหลือเพียงแต่เมล็ด หรือจะนำไปใส่ในเครื่องจักรแยกเมล็ดก็ได้ครับ นำไปแช่น้ำแล้วคัดเก็บไว้เฉพาะเมล็ดที่จมน้ำ นำมาตากให้แห้ง แล้วนำไปใส่ถุงพลาสติก บ่มไว้ในตู้เย็นไม่เกิน 3 สัปดาห์รอรากงอก แล้วนำไปเพาะในแปลงปลูกได้เลย ไม่เกิน 2 เดือนยอดและลำต้นก็เริ่มผลิและตั้งตรง ใส่ปุ๋ยปีละ 2 ครั้ง หมั่นกำจัดวัชพืช เมื่อต้นสูงประมาณ 1 เมตร หรืออายุ 1 ปีก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook