บัวรดน้ำเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้อย่างหนึ่ง สำหรับอาชีพเกษตรกรอย่างเรา ๆ ทั้งในวงการไม้ดอก ไม้ประดับ และวงการเพาะขยายพันธุ์พืช นอกจากนี้บ้านทุกหลังคาเรือน ที่นิยมชมชอบหรือรักในการปลูกต้นไม้ ถ้าได้ปลูกต้นไม้ไว้แล้วล่ะก็จะต้องมีบัวรดน้ำเก็บเอาไว้ใช้ในบ้านอย่างแน่นอน
การที่บัวรดน้ำกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ เพราะมันเหมาะสมที่สุดสำหรับรดน้ำต้นไม้ขนาดเล็กอย่างกล้าพันธุ์ไม้ หรือใช้รดน้ำ ไม้ดอก ไม้ประดับ ปลูกกระถาง ที่สวยงาม บอบบาง ต้องทะนุถนอม และเป็นเรื่องยากที่จะหาอุปกรณ์อื่นมาทดแทนจุดเด่นของบัวรดน้ำได้ครบทุกข้อเลย
จุดเด่นสำคัญอย่างแรก คือการใช้บัวรดน้ำต้นไม้ช่วยให้ดอกไม้ ใบ หรือ ส่วนที่บอบบางของต้นไม้ ไม่บอบช้ำเสียหาย เพราะเราสามารถควบคุมปริมาณน้ำ ความหนักความเบาของสายน้ำได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองผ่านทาง “น้ำหนักของแขนและมือ” น้ำที่ออกจากฝักบัวจะเป็นสายกระจายสม่ำเสมอทั่วถึงกัน ต้นไม้จะได้รับสายน้ำอย่างนุ่มนวลชุ่มฉ่ำ
จุดเด่นต่อมาคือ ช่วยประหยัดน้ำมากกว่าการใช้สายยาง เพราะปริมาณน้ำจากบัวเรากำหนดด้วยน้ำหนักมือ ต่างจากสายยางฉีดซึ่งปริมาณน้ำมาจากแรงดันท่อประปาเราจึงกำหนดได้ยาก นอกจากนี้ การให้น้ำหมัก ปุ๋ยเคมี หรือ ฮอร์โมนเสริมบางอย่างที่ต้องละลายผสมกับน้ำเพื่อรดให้ต้นไม้ ก็ต้องใช้บัวรดน้ำ เพราะสะดวกในการตวงส่วนผสม
จุดเด่นอีกข้อของ บัวรดน้ำ คือมีราคาถูก และสะดวกต่อการใช้งาน เมื่อเทียบกับสายยางหรือเครื่องฉีดพ่นน้ำ อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายอุปกรณ์การเกษตรหรือร้านไม้ดอก ไม้ประดับทั่วไป
ส่วนการเลือกซื้อนั้น บัวรดน้ำมีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ใส่น้ำได้ 1 ลิตร -17 ลิตร แต่มีข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ บัวรดน้ำมีทั้งแบบทำจากพลาสติกและทำจากสังกะสี ถ้าเป็นพลาสติก เพื่อนๆ เกษตรกร ควรจะเลือกซื้อบัวรดน้ำ ที่เป็นพลาสติกเกรดดี มีเนื้อหนาๆ เพราะต้องใช้รับน้ำหนักของน้ำอยู่เสมอ เมื่อใช้ไปนานๆ แล้วไม่เสียรูปทรงบิดเบี้ยวหรือกรอบแตกได้ง่าย
ถ้าเป็นบัวรดน้ำสังกะสี จะมีหูมือจับทำจากไม้ยึดติดเอาไว้ และมีการเชื่อมสังกะสีตามรอยต่อต่างๆ ไม่เหมือนพลาสติกที่เป็นชิ้นเดียวทั้งใบ ซึ่งในระยะยาวก่อนใช้งานต้องตรวจดู หูมือจับ ก่อนว่ายังแข็งแรงหรือไม่ ส่วนต่างๆตามจุดเชื่อมต่อของสังกะสี ก็อาจเกิดรูรั่วขึ้นได้ เมื่อใช้ไปนานๆ
สำหรับการดูแลเก็บรักษานั้น เมื่อใช้งานบัวรดน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดแต่ถ้ามีการผสมปุ๋ย หรือสารเคมีละลายน้ำด้วย เพื่อนๆ เกษตรกร ควรล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้หลงเหลือคราบสารเคมี แล้วนำไปแขวนแบบคว่ำลง เพื่อผึ่งลมให้แห้ง หรือ อาจนำไปตากแดดให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบตะไคร่น้ำเกาะติดสะสมอยู่ในบัวได้ครับ