สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ไผ่ยักษ์น่าน พืชสร้างรายได้มหาศาล

ไผ่ยักษ์น่านเป็นต้นไผ่ที่มีแหล่งกำเนิดในจังหวัดน่านในประเทศไทยบ้านเราเป็นที่แรก แต่เดิมนั้นไม่ได้มีการนำเนื้อไม้ไผ่ยักษ์น่านมาใช้ประโยชน์แต่อย่างใด เพราะคิดว่าเป็นไผ่ยักษ์ธรรมดาและไม่น่าจะนำมาแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้ จนมีเกษตรกรรายหนึ่งได้หาวิธีปลูกเพื่อส่งขาย โดยลองถูกลองผิดจนขาดทุนไปไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ละความพยายามเพื่อที่จะได้ไผ่พันธุ์ดี มีเนื้อไม้งามเพื่อนำไปส่งขายในตลาดอุตสาหกรรมได้ จนในที่สุดก็สามารถปลูกไผ่ยักษ์น่านได้จำนวนมาก มีเนื้อไม้งามและตัดไผ่ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสามารถขายได้ราคาดี กลายเป็นไผ่ที่เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มีการนำไผ่ชนิดนี้ไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือน ซึ่งให้ความสวยงามน่าใช้กว่าไผ่พันธุ์อื่น ทั้งยังมีความทนทานสูง ทำให้สามารถขายเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตออกมานั้นมีราคาสูง จัดว่าเป็น Premium Grade กันเลยครับ

นอกจากการแปรรูปและขายต้นไผ่ยักษ์น่านได้ราคาแล้ว การขายกล้าพันธุ์ไม้ของต้นไผ่ยักษ์น่านยังสามารถสร้างรายได้ให้แก่เพื่อนๆเกษตรกรรายย่อย โดยตลาดหลักของการขายกล้าพันธุ์คือกลุ่มเพื่อนๆ เกษตรกร ที่มีความสนใจนำไปปลูกเพื่อขายต่อนั่นเองครับ เรียกว่าสามารถเพาะขยายพันธุ์ทำเงินได้ตั้งแต่เป็นต้นกล้า จนเติบโตขายเนื้อไม้เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์

ต้นไผ่ยักษ์น่านเป็นพืชที่จะต้องใช้เวลาปลูกหลายปี แต่เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วก็จะมีอายุยืนและยังดูแลได้ไม่ยาก เพียงแค่หมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ยบ่อยๆ ทุกวัน พอต้นไผ่มีอายุได้ 2 ปีแล้วก็ให้ใส่ปุ๋ยเพียงปีละ 1-2 ครั้งก็พอแล้วล่ะครับ ถือได้ว่าประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยไปในตัว จากนั้นก็สามารถปล่อยให้เติบโตตามธรรมชาติได้ ลำต้นของไผ่ยักษ์น่านที่จังหวัดน่านจะมีขนาดใหญ่ที่สุดเพราะถือเป็นถิ่นกำเนิดของไผ่ยักษ์น่าน โดยมีจุดศูนย์กลาง 16-18 เซนติเมตร แต่ถ้าหากปลูกในพื้นที่อื่นแล้วอาจจะมีจุดศูนย์กลางเพียง 12-14 เซนติเมตรเท่านั้น การปลูกสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ซื้อกิ่งพันธุ์มาปลูกลงในดินที่เตรียมไว้ สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ในบ้านเรา วิธีดูแลก็เพียงแค่รดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน วันละ 2 ครั้ง รอเวลา 1-2 เดือนให้ไผ่แตกหน่อก็สามารถปล่อยให้ไผ่เจริญเติบโตได้อย่างธรรมชาติ

เห็นไหมละครับว่าไผ่ยักษ์น่านสามารถปลูกได้ไม่ยาก แม้ว่าจะใช้ต้นทุนสูง แต่ก็ลงทุนแค่เพียงครั้งเดียวและสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี สามารถสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง เลยล่ะครับ หากเพื่อนๆเกษตรกรคนไหนสนใจก็ลองหามาปลูกกันได้นะครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook