สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ดอกสร้อยทอง ไม้ดอกสีเหลืองทอง

ไม้ดอกสีเหลืองทองที่มีชื่อมงคลว่า สร้อยทอง เป็นดอกไม้มงคลที่เรียกขานกันอีกชื่อว่า ดอกทองอุไร แต่เดิมมีความเชื่อว่า บ้านใดมีต้นดอกไม้ชนิดนี้ปลูกไว้ในอาณาบริเวณบ้าน จะยังความมั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติ เงินทองไหลมาเทมา เหมือนดั่งชื่อดอก และสีเหลืองทองอันเจิดจ้าของดอกไม้เมื่อบานสะพรั่งเต็มต้น ไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในอเมริการวมถึงเม็กซิโก ก่อนที่จะกระจายพันธุ์ไปยังยุโรปและพื้นที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก มักพบได้มากในทุ่งหญ้าที่โล่งขนาดใหญ่ ที่มีต้นไม้กระจัดกระจายและเว้นระยะห่างกันมาก ในประเทศไทยเรานั้นได้นำต้นไม้ชนิดนี้มาปลูกกันช้านานมาแล้ว โดยวัตถุประสงค์เบื้องต้นคือปลูกเป็นไม้ตัดดอกเพื่อนำไปถวายพระ เป็นการบูชาพระด้วยไม้มงคล และพัฒนาเป็นการปลูกเพื่อการค้าเป็นไม้ตัดดอกเชิงพาณิชย์ เพราะเป็นต้นดอกไม้ที่มีอายุ 2-3 ปี ปลูกครั้งเดียว สามารถตัดดอกไม้ได้ยาวนาน

ดอกสร้อยทองยังถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการแพทย์พื้นบ้าน โดยมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการท้องผูก ขับปัสสาวะ นำมาใช้ประคบแผลบริเวณผิวหนังเพื่อช่วยสมานแผล เป็นต้น ชนอเมริกันพื้นเมืองบางกลุ่มจะนำใบสดของต้นดอกสร้อยทองมาเคี้ยวเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ นำรากมาเคี้ยวเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน และยังได้นำดอกอบแห้งมาใช้ชงเป็นชาเพื่อบำรุงไต  ปัจจุบันดอกทองสร้อย ยังจัดเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ถูกนำไปสกัดเพื่อผลิตเป็นส่วนผสมของน้ำยาบ้วนปาก นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว เรายังสามารถปลูกดอกชนิดนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นไนโตรเจนในดินได้ด้วย ในประเทศอังกฤษมักนำดอกไม้ชนิดมาปลูกประดับสวน แม้ว่าในบางมลรัฐในเขตอเมริกาเหนือและเยอรมันจะระบุว่าไม้ชนิดนี้จัดเป็นวัชพืชก็ตาม

ดอกสร้อยทอง เป็นดอกที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับดอกทานตะวัน แต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะลำต้นที่แตกต่างกัน  เช่น พันธุ์ยอดนิยมอย่าง Solidago canadensis ที่มีดอกออกเป็นกลุ่ม สีเหลืองอ่อนสว่างไสว ชูช่อ งดงาม ที่มีลำต้นสูงไม่เกิน 1 เมตร แต่สำหรับพันธุ์ที่มีช่อดอกขนาดใหญ่กว่าพันธุ์อื่นๆ และออกดอกเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ คือ พันธุ์ Solidago multiradiata ที่มลำต้นที่เตี้ย มีความสูง 30-45 เซนติเมตร ที่ออกดอกราวเดือนกรกฎาคม สำหรับต้นที่มีทรงพุ่มสูงใหญ่แข็งแรงและนิยมปลูกกันคือ พันธุ์ Solidago odora ที่มีความสูงถึง 1-2 เมตร

โดยทั่วไปต้นดอกสร้อยทองจะเริ่มแตกกิ่งก้านสาขาตั้งแต่โคนต้น ทำให้มีกิ่งก้านจำนวนมาก มีขนอ่อนๆปกคลุมไปทั่วทั้งลำต้นและกิ่งก้าน แตกใบสีเขียวเป็นกระจุกบริเวณกลางลำต้น ออกดอกที่ปลายกิ่ง มีลักษณะเป็นช่อกระจะ สีเหลืองอำพัน บานเบ่งพร้อมกันหนาแน่น ให้ผลแห้งเป็นฝักกลมและเรียว ภายในมีแมล็ดที่สามารถนำไปเพาะขยายพันธุ์ได้

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook