การปลูกพืชในเรือนกระจก เป็นวิธีการปลูกพืชแบบใหม่และยั่งยืนที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยเราด้วย เพราะการปลูกพืชในโรงเรือนนั้นจะทำให้เราสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อหารเจริญเติบโตของพืชได้ดีขึ้น ยิ่งควบคุมได้ดีเท่าไรการให้ผลผลิตก็ยิ่งมีคุณภาพและได้ปริมาณมากขึ้นเท่านั้น ทำให้การปลูกพืชในเรือนกระจกกลายเป็นแนวโน้มของการทำการเกษตรในอนาคต โดยเฉพาะในประเทศที่มีพื้นที่การเพาะปลูกจำกัดจะยิ่งให้ความสำคัญกับการทำการเกษตรหรือการเพาะปลูกเช่นนี้ รวมไปถึงหลายประเทศที่มีภูมิประเทศหรือภูมิอากาศที่ไม่เอื้อต่อการปลูกพืชบางชนิด โดยในเรือนกระจกจะมีการติดตั้งระบบควบคุมอุณหภูมิ ควบคุมความชื้น ความคุมน้ำ และความคุมแสง ที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับพันธุ์พืชที่เราเพาะปลูก จึงทำให้ได้รับผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น
การเริ่มต้นปลูกพืชในเรือนกระจกนั้น จะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ หลายประการ เริ่มตั้งแต่โครงสร้างโรงเรือน ว่าจะสร้างโรงเรือนทรงแบบไหน มีทั้งแบบหลังคาทรงจั่ว หลังคาโค้ง ซึ่งส่งผลต่อการไหลเวียนของอากาศภายในโรงเรือน ซึ่งจะต้องพิจารณาเรื่องของพืชที่เราจะนำมาปลูกด้วย เพราะพืชแต่ละชนิดต้องการสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่เราจะพบว่า การปลูกพืชในเรือนกระจก นิยมใช้กับพืชผลที่มีราคาสูง ซึ่งจะคุมค่าต่อการสร้างโรงเรือน เช่น สมุนไพรราคาสูง ผักผลไม้ราคาแพง และไม้ตัดดอก ที่เป็นที่นิยมของตลาด ดังที่เราได้เห็นโรงเรือนเพาะปลูกดอกกล้วยไม้ ดอกปทุมมา ดอกเยอบีร่า ที่เป็นที่ต้องการของตลาด หรือจะเป็นผักหายากราคาแพง ในกลุ่มของผักสลัด ผักเมืองหนาวต่างๆ และในการปลูกสมุนไพรกัญชง ที่ต้องมีการควบคุมอย่างรัดกุม
นอกจากรูปแบบของโรงเรือนและชนิดของปลูกแล้ว สปัจจัยสำคัญคือ ระบบชลประทานในพื้นที่ และระบบไฟฟ้าที่ต้องป้อนให้แก่อุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ใช้ควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงเรือน ที่จะต้องมีความเสถียรในระดับหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดน้ำหรือขาดไฟฟ้า ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตได้ รวมไปถึงการวางแผนเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การปลูกพืชในเรือนกระจก เป็นการลงทุนที่ใช้เงินทุนสูง และต้องมีความรู้และความเข้าใจในระบบอย่างดี ดังนั้นจะต้องมีการคำนวณเรื่องเงินลงทุนและค่าดำเนินการ และต้องมีการพยากรณ์ยอดขายและตลาดของพืชผลที่จะทำการปลูก หากเลือกพืชที่ราคาสูงและมีตลาดรองรับอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้การลงทุนนั้นเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ขณะเดียวกันต้องมองแนวโน้มตลาดและการแข่งขันให้รอบด้าน แม้ว่าความต้องการพืชผักผลไม้ปลอดสารจะมีแนวโน้มสูงมากขึ้น และผู้บริโภคพร้อมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น แต่ต้องมองเรื่องการเข้ามาแข่งขันหน้าใหม่ที่มีโอกาสเข้ามาสู่ตลาดมากขึ้นด้วย ดังนั้นจะต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วย