สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ดีปลี เผ็ด ร้อน อุดมด้วยสรรพคุณทางยา

ดีปลี จัดว่าเป็นพืชสมุนไพร ที่มีสรรพคุณทางยาสูงมาก และยังเป็นพืชที่ดูแลไม่ยาก ลักษณะของดีปลีนั้น มีผลที่เรียวยาวคล้ายพริกแต่ยาวกว่า คนต่างชาติจึงให้ชื่อ ดีปลี ภาษาอังกฤษ ว่า Long pepper ด้วยวงศ์พืชเดียวกันกับพริกไทย จึงทำให้พืชชนิดนี้เป็นพืชเถา ใช้รากฝอยที่แตกรากบนข้อเป็นมือจับค้างเลื้อยพันเกี่ยวอย่างหนาแน่น ผลิก้านกิ่งสาขาไว

ดีปลี ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องเทศเหมือน พริกไทยและพริก และผลดีปลีตากแห้งจะถูกรวบรวมและนำไปขายเป็นสินค้าส่งออก เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาและเครื่องเทศ ส่วนในบ้านเราจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ผลิตยาตามตำรับแพทย์แผนไทยหรือยาพื้นบ้านโบราณ และนำไปแปรรูปสมุนไพรเพื่อใช้ในการกำจัดแมลงและโรคศัตรูพืช แม้ว่าในผลิตยาแผนโบราณจะใช้ดีปลีเป็นส่วนผสมไม่มากนักในแต่ละตำรับ แต่ปรากฏว่ายาแต่ละตำรับกลับต้องมีดีปลีเป็นส่วนผสมอยู่มากกว่า 1,000 ตำรับยา จึงทำให้ดีปลีสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้แก่เพื่อนเกษตรกรได้เลยครับ

การลงทุนปลูกดีปลีเพียงครั้งเดียว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากกว่า 35ปี และให้ผลผลิตตลอดทั้งปีอีกต่างหาก โดยเฉลี่ยเราจะเก็บผลผลิตได้ทุก 2-4 สัปดาห์เลยครับ ราคาขายเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณกิโลกรัมละ 150 บาท  ในช่วงที่ต้องการน้อยอาจจะราคาต่ำกว่าร้อยบาท แต่ช่วงพีคก็ทะยานไปถึง 300 บาทต่อกิโลกรัมเยครับ

พื้นที่ปลูกควรมีสภาพดินดี โปร่ง ร่วน ไม่มีน้ำขังและระบายน้ำได้เร็ว เพื่อป้องกันปัญหาโรครากเน่าที่จะตามมา และค้างที่เลือกใช้ควรใช้เสาปูนเพื่อความคงทนและแข็งแรง เหมาะกับอายุของพืช ลงทุนครั้งเดียวให้จบไปเลยครับ ไม่อย่างนั้นเราต้องมาเปลี่ยนค้างอีก ทำให้พัฒนาการของดีปลีชะงักอีก เสียโอกาสเรื่องผลผลิตเราไปอย่างน่าเสียดายนะครับ เสาปูนเราควรใช้ความสูงซัก 5 เมตร เผื่อฝังลงดินไปราวๆ 1 เมตร ก็จะเหลือให้เถาไต่ได้ 4 เมตรครับ 1 ไร่เราจะปลูกได้ราวๆ 500 ต้นครับ

วิธีการปลูก ดีปลี เราก็นำเถาไปชำนั่นแหละครับ ค้างละ 4 ยอด รอให้แตกรากก็เลื้อยไปตามค้างแล้วครับ ช่วงเริ่มต้นเราจะต้องหาเชือกมาประคองเถาวัลย์ โดยทำการผูกหลวมๆ ให้ยอดดีปลีค่อยๆ เกี่ยวค้างจนเกี่ยวได้แน่นเอง เราค่อยตัดเชือกออก การให้น้ำก็ควรให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่อย่าให้เยอะจนรากเน่านะครับ และปุ๋ยอินทรีย์ต้องเติมอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน พร้อมทั้งขยันกำจัดพวกวัชพืชด้วยนะครับ

ปลูกไว้ ไม่ถึง 1ปี ก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แล้วคัดเฉพาะผลที่สมบูรณ์ แก่ ไม่มีแมลงเจาะ นำไปตากในทันที เพื่อกำจัดเชื้อราและมอด สถานที่ตากแห้งต้องแห้ง สะอาด มิดชิดเพื่อป้องกันสิ่งปนเปื้อน เพื่อรอจัดจำหน่ายต่อไป

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook