สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นธรณีสาร หนึ่งในสมุนไพรพื้นบ้าน

ต้นธรณีสาร หรืออาจจะได้ยินหลายคนเรียกว่า ว่านธรณีสาร เป็นไม้ที่นิยมปลูกไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเรือนและผู้อยู่อาศัย ยิ่งต้นไม้เติบโตได้ดีจะยิ่งทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความก้าวหน้าในอาชีพการงาน อยู่เย็นเป็นสุข ประสบความสำเร็จ พบโชคพบลาภ และยังช่วยป้องกันภยันตรายไม่ให้เกิดขึ้นแก่สมาชิกในบ้านได้ โดยนิยมปลูกกันในวันพฤหัสบดีข้างขึ้นตามที่ตำราการปลูกว่านได้บันทึกไว้ ทั้งนี้ในพิธีรดน้ำมนต์เพื่อปัดเคราะห์ ปัดเรื่องร้ายต่างๆ ให้กลับร้ายกลายเป็นดี จะนำใบของต้นไม้นี้ไปใช้เพื่อพรมน้ำมนต์ตามความเชื่อแต่โบราณกาล เราจึงพบเห็นต้นไม้ชนิดนี้ตามวัดต่างๆ และในธรรมชาติทั่วไปสามารถพบได้ตามป่าไม้ที่ผลัดใบตามฤดูกาลทั่วไปทุกภาค ที่มีช่วงฤดูแล้งยาวนานประมาณ 4-7 เดือน ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 400 เมตร

ส่วนต่างๆ ของต้นธรณีสาร ถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น รากไม้เมื่อนำมาต้มกับน้ำสะอาด นำไปดื่มเพื่อลดอาการแน่นท้อง ไล่ลมในระบบทางเดินอาหาร และยังมีสรรพคุณขับพิษไข้ แก้อาการลิ้นขาวเป็นฝ้า ปากเจ็บ รับประทานอาหารไม่ได้ ในเด็ก ต้นใช้ภายนอกเป็นยาล้างตา ใช้รักษาอาการคันบริเวณผิวหนังและอาการบาดแผลอักเสบภายนอก ส่วนของใบสามารถนำมาใช้ลดไข้ แก้ออาการคันตามผิวหนัง เป็นต้น

ต้นธรณีสาร เป็นไม้พุ่มยืนต้น มีอายุหลายปี มีความสูงระหว่าง 80-150 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านด้านบนของลำต้น บริเวณกิ่งอ่อนจะมีขนอ่อนๆ ปกคลุมไปจนถึงใบประดับ แต่เปลือกของลำต้นและส่วนอื่นๆ เรียบเนียนไม่มีขน แตกใบเดี่ยวดกทึบเป็นกิ่งย่อยประกอบด้วยใบย่อย 15-30 คู่ เรียงสลับกัน มีรูปทรงไข่ขอบขนาน โคนใบและปลายใบมน ลักษณะใบคล้ายใบมะยม แตกดอกสีแดงเจิดจ้าขนาดเล็กตามง่ามใบ โดยดอกเพศเมียจะผลที่ปลายยอดของกิ่ง ส่วนดอกเพศผู้จะผลิที่โคนกิ่ง ออกดอกได้ตลอดปี ให้ผลกลมสีน้ำตาลขนาดเล็กมาก ภายในมีเมล็ดสามารถนำไปขยายพันธุ์ได้

สำหรับการขยายพันธุ์ต้นธรณีสารนั้น สามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ดและการปักชำ แต่โดยส่วนใหญ่นิยมเพาะเมล็ดให้งอกเป็นต้นกล้าก่อนที่จะนำไปปลูกลงกระถางหรือแปลงดินต่อไป โดยดินที่มีสมบัติเอื้อต่อการเจริญเติบโตคือดอร่วนปนทราย เพื่อไม่ให้เกิดน้ำขังในดิน และเพิ่มปุ๋ยคอกในดินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการเจริญของต้นไม้ เนื่องจากไม้ชนิดนี้เป็นไม้ที่เติบโตไม่เร็วนัก  พื้นที่ปลูกควรได้รับแสงพอประมาณหรือรับแดดเพียง 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ หากมีความประสงค์จะปลูกในกระถาง ควรเลือกใช้กระถางใบใหญ่ เพื่อให้รากได้เจริญเติบโตและแผ่ขยายเต็มที่ และควรทำการเปลี่ยนดินในกระถางทุก 2 ปี เพื่อให้มีธาตุอาหารเพียงพอต่อการเติบโตของต้นธรณีสารในแต่ละช่วงอายุ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook