สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นศรีตรัง ต้นไม้ใหญ่ให้ดอกงาม

ต้นศรีตรัง หรือที่หลายคนรู้จักกันนาม ดอกแคฝอย ที่มักจะพบเห็นได้ทั่วไปตามสถานที่สาธารณะและแนวภูมิทัศน์ 2 ฝั่งถนนที่เราสัญจรไปมา และยิ่งโดดเด่นมากในช่วงที่ผลิดอกเป็นช่อสีม่วงอ่อนบานสะพรั่งเต็มทั้งต้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยจะติดดอกนานถึง 20 วัน ไม้ชื่อมงคลที่มีดอกแสนสวยชนิดนี้เป็นพืชในวงศ์แคหางค่างหรือวงศ์ไม้ปีบ (Bignoniaceae) มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของทวีปอเมริกา ก่อนที่จะมีการกระจายพันธุ์ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น ปารากวัย อุรุกวัย เม็กซิโก ซาอุดีอาระเบีย อาร์เจนตินา บราซิล แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมีการนำไปปลูกกันอย่างกว้างขวางในหลายประเทศในแถบเอเชียรวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย โดยนิยมปลูกเป็นไม้ประดับและเป็นไม้ให้ร่มเงา นอกจากนี้ยังสามารถนำเนื้อไม้ที่มีกลิ่นหอมมาใช้ทำเครื่องดนตรีได้ เช่น นำมาทำเป็นเปียใน หรือกีตาร์ เป็นต้น

ต้นศรีตรังที่พบในประเทศไทยเราส่วนใหญ่จะเป็นชนิด Jacaranda filicifolia Don. ที่มักจะเกิดช่อดอกที่ปลายยอดและซอกใบ ส่วนอีกชนิดที่เราไม่ค่อยพบมากนักคือชนิดที่เกิดช่อดอกที่ปลายยอดเท่านั้นที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Jacaranda mimosifolia Don. ชนิดที่พบได้มากในไทยเรานั้นจะมีลำต้นสูงระหว่าง 5-10 เมตร เป็นไม้พุ่มที่มีใบดูโปร่งตา เป็นไม้ผลัดใบ เปลือกสีเทาแกมน้ำตาล ผิวเปลือกจะแตกล่อนบางๆ ออกเป็นแผ่นๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ประกอบด้วยใบย่อย 12 คู่ขึ้นไป ปลายใบย่อยมีลักษณะปลายแหลม ก้านใบหลักเห็นได้ชัด จะเริ่มมีการผลัดใบในช่วงฤดูหนาวและเริ่มผลิตาดอกขึ้นมา และเริ่มให้ดอกแสนสวยลักษณะคล้ายแตรคว่ำหรือระฆังคว่ำ ที่ซอกใบและปลายยอด บ้างก็ว่าทรงของช่อดอกคล้ายฉัตรหรือพีระมิด มีกลิ่นหอมละมุน เมื่อถึงช่วงเดือนเมษายนจะเริ่มติดผลเป็นฝักแห้ง ด้านในฝักมีเมล็ดจำนวนมาก

สำหรับการเพาะปลูกหรือขยายพันธุ์ต้นศรีตรังจะทำด้วยวิธีเพาะเมล็ด โดยเมล็ดที่จะนำมาเพาะนั้นควรเป็นเมล็ดที่ได้จากฝักที่แก่เต็มที่และมีสภาพสมบูรณ์ รวมทั้งเป็นเมล็ดที่เพิ่งเก็บมาใหม่ เพื่อจะได้เกิดอัตรารอดที่สูงขึ้น ควรปลูกในดินร่วนที่มีการระบายน้ำได้ดี  มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับตามบริเวณสวนหย่อมหรือริมรั้วข้างบ้านเพื่อได้ร่มเงา เป็นไม้ที่ทนสภาพแห้งแล้งและทนแดดได้ดี แต่เป็นไม้ที่ต้องใช้เวลาหลังปลูกราว 4-5 ปี จึงจะเริ่มผลิดอกงามให้เราได้เชยชม ดังนั้นก่อนที่จะนำมาปลูกจึงควรต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อน

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook