สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นใบละบาท มีประโยชน์ไม่น้อยในเชิงสมุนไพร

ต้นใบละบาท มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบอินเดียและแพร่กระจายพันธุ์ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก แม้ว่าในบางพื้นที่จะมองว่าเป็นวัชพืชที่ลุกลามได้ง่ายแต่ก็ยังมีประโยชน์ไม่น้อยในเชิงสมุนไพรและไม้ประดับ โดยในประเทศไทยเรามักนำต้นไม้ชนิดนี้มาปลูกประดับในสวน เพราะมีดอกที่งดงาม และเป็นไม้เลื้อยที่ช่วยพลางสายตาจากคนภายนอกได้ดี จึงมักปลูกไว้ละแวกริมรั้วเพื่อปล่อยให้ต้นใบละบาทเจริญและเลื้อยไปตามรั้วให้หนาทึบ และยังพบว่าหลายแห่งได้ปลูกไว้ใกล้กับซุ้มประตูต่างๆ เพื่อให้ต้นไม้เกาะเกี่ยวพันเลื้อยกลายเป็นซุ้มต้นไม้ที่เขียวชอุ่มทั้งปีและเมื่อผลิดอกก็มีความงามให้ชื่นชมได้ ในแง่ของความเชื่อนั้น ต้นไม้ชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งเงินตราและความมั่งคั่ง ตามชื่อ ใบละบาทซึ่งหมายถึงเงินตรานั่นเอง โดยถือเคล็ดว่า ควรปลูกไม้เลื้อยชนิดนี้ในวันอังคาร และควรปลูกไว้ทางด้านทิศตะวันตกของเรือนเพื่อความเป็นสิรมงคลของผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนแห่งนั้น

นอกจากนี้ส่วนต่างๆ ของต้นใบละบาทยังถูกนำมาใช้ประโยชน์เป็นยาสมุนไพรตามที่แพทย์พื้นบ้านได้นำมาใช้ โดยนำส่วนราก มาใช้เพื่อแก้กษัย ขับน้ำเหลืองและขับปัสสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด บรรเทาอาการปวดในข้อ และนำมาต้มกับน้ำสะอาดดื่มเป็นยาบำรุงเพิ่มกำลังวังชา ใบสดนำมาโขลกประคบแผลอักเสบ รักษาอาการโรคคันบริเวณผิวหนังและฝี คั้นน้ำจากใบสดเพื่อหยอดหูรักษาอาการในช่องหู เป็นต้น แต่ที่ต้องระวังคือ ห้ามรับประทานใบและเมล็ดของต้นไม้ชนิดนี้ เพราะอาจเป็นอันตรายได้

ต้นใบละบาท เป็นไม้เลื้อย ที่มีเถาวัลย์ยาวประมาณ 10 เมตร เป็นไม้ที่ต้องอิงอาศัยโครงสร้างของต้นไม้อื่น หรือวัสดุอื่น ลำต้นที่เป็นเถาจะปกคลุมไปด้วยขนอ่อนๆ สีขาว เถาอ่อนมีลักษณะอุ้มน้ำ แต่จะเริ่มแห้งไปเรื่อย ๆ เมื่อแก่ขึ้นและกลายเป็นไม้ที่แข็งแห้ง ทุกส่วนของต้นมียาง ใบสีเขียวรูปลักษณะคล้ายใบโพธิ์ โคนใหญ่ มน เว้าตรงกลาง แล้วขยายออกถึงกลางใบ ส่วนปลายใบแหลมมีติ่งบ้าง แผ่นใบเรียบ แต่ใต้ใบจะมีขนอ่อนสีขาวเต็มใบ มองเห็นได้ตั้งแต่ขอบใบรวมไปถึงก้านใบ ผลิดอกเป็นช่อกระจุกที่ซอกใบ สีม่วงอมชมพูลักษณะคล้ายดอกผักบุ้งขนาดใหญ่ ประกอบด้วยดอกย่อยไม่เกิน 5 ดอกกระจุกตัวกันอยู่ ก้านดอกมีความยาวราว 20 เซนติเมตร มีขนปกคลุมบริเวณโคนดอกด้านนอก ดอกบานไม่นานก็ร่วงโรย ให้ผลรูปร่างกลมมน สีน้ำตาลอ่อน และมีเมล็ดด้านใน สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งวิธีปักชำ ตอนกิ่ง และทาบกิ่ง แล้วนำไปปลูกในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี รับแสงแดดเต็มที่ มีโครงสร้างให้เลื้อย และรดน้ำสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นไม้เติบโตได้เต็มที่

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook