สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ต้นอ่อนข้าวสาลี ใช้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ

ต้นข้าวสาลีอ่อน คือ ต้นอ่อนแรกผลิของต้นข้าวสาลีทั่วไป ที่เรานำเมล็ดมาเพาะคล้ายถั่วงอกแล้วรอให้เกิดต้นอ่อนอายุราว 1 สัปดาห์ แล้วนำต้นอ่อนมาใช้ประโยชน์เป็นอาหารสุขภาพโดยสามารถนำต้นสดมาล้างให้สะอาดและคั้นน้ำจากต้นอ่อนมาดื่มสดๆ หรือนำมาทำเป็นแบบผงหรือแคปซูลก็ได้ โดยต้นอ่อนข้าวสาลีมีคุณค่าทางโภชนาการอุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก แคลเซียม เอนไซม์ แมกนีเซียม ไฟโตนิวเทรียนท์ กรดอะมิโน 17 ชนิด คลอโรฟิลล์ และโปรตีน รวมไปถึงวิตามินต่างๆ ทั้งวิตามิน A, C, E, K และ B complex ซึ่งช่วยป้องกันอาการอักเสบในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ โดยในงานวิจัยของ Khan MS และคณะในปี พ.ศ. 2558 ที่ได้ศึกษาเรื่อง Chromatographic analysis of wheatgrass extracts ระบุว่าสารอาหารในต้นข้าวสาลีอ่อนช่วยให้ร่างกายมนุษย์กำจัดสิ่งสกปรกและสารพิษที่สะสมไว้ ตัวอย่างเช่น คลอโรฟิลล์ช่วยในการกำจัดสารพิษและช่วยสนับสนุนการทำงานของตับที่แข็งแรงตามการทบทวนวรรณกรรมใน ปี 2554 เมื่อร่างกายมนุษย์กำจัดสารพิษออกไปแล้วสุขภาพโดยรวมจะดีขึ้น ในต่างประเทศจะพบว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีส่วนผสมของต้นอ่อนข้าวสาลี ไม่ว่าจะเป็น สเปรย์ ครีม เจล โลชั่น และอาหารเสริม นอกจากนี้ประเทศอินเดียและประเทศในแถบเปอร์เชีย จะนำต้นอ่อนข้าวสาลีใช้ในพิธีกรรมทางฮินดู

แต่ก่อนนั้น ต้นอ่อนข้าวสาลีถือว่าเป็นพืชเมืองหนาวที่เราต้องนำเข้ามาเพราะมีผู้บริโภคจำนวนหนึ่งที่เล็งเห็นคุณค่าทาโภชนาการที่สูงทั้งเรื่องของโปรตีนและเส้นใยที่มีปริมาณสูงและยังมีวิตามินและแร่ธาตุมาก ก่อนที่จะมีการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสาลีทางภาคเหนือตอนบนหันมาปลูกต้นข้าวสีอ่อนและทำการแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กลายเป็นช่องทางการสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

การปลูกต้นอ่อนข้าวสาลีสามารถปลูกได้ทั้งกลางแจ้งและในอาคารบ้านเรือน  โดยทั่วไปจะนิยมเพาะเมล็ดในถาดเพาะในร่ม โดยให้นำเมล็ดมาแช่น้ำไว้ประมาณ 7 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 2 รอบ ก่อนที่จะนำมากระสอบป่านมาห่อเมล็ดไว้ 24 ชั่วโมงเพื่อเป็นการเร่งราก แล้วจึงนำเมล็ดมาหว่านลงดินและกลบดินทับบางๆ และรดน้ำพอประมาณ ก่อนที่จะนำถาดเปล่ามาทับซ้อนด้านบน หากปลูกพร้อมกันหลายถาดให้นำถาดมาวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ แล้วจึงนำถาดเปล่ามาวางทับด้านบนสุด วางทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงแล้วจึงเปิดถาดที่ซ้อนออก วางทุกถาดให้รับแสงรำไร ให้น้ำวันละ 3 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ไม่ควรปล่อยให้ดินขาดความชุ่มชื้น ใช้เวลาเพียง 7 วันก็สามารถตัดใบมาใช้ประโยชน์ได้ และสามารถเก็บรักษาใบอ่อนที่ตัดมาไว้ในถุงซิบล็อคได้ประมาณ 30 วัน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้อาหารเสริมหรือสมุนไพรใดๆ เสมอ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook