สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

มันเทศ พืชทนแล้ง ปลูกแทนข้าวนาปรัง

มันเทศ หรือมันหวานตามชื่อภาษาอังกฤษที่ว่า sweet potato เป็นพืชจากทางตอนกลางของอเมริกา เป็นพืชตระกูลเดียวกับผักบุ้ง และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก โดยใช้เป็นอาหาร มีโภชนาการทางอาหารสูง ในประเทศไทยเรามีการปลูกมันเทศกระจายอยู่ทั่วไปในทุกภาคของประเทศ นิยมปลูกสลับฤดูกับพืชชนิดอื่น เพราะเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย เก็บเกี่ยวได้เร็ว และสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งนำไปปรุงอาหารคน แปรรูป และใช้สกัดเป็นสารให้ความหวาน ใช้ในการหมักแอลกอฮอล์ รวมทั้งนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์อีกด้วย

หัวมันเทศเป็นส่วนของรากที่ใช้กักเก็บธาตุอาหาร  สามารถบริโภคได้ทั้งส่วนหัว เถา ใบ และยอดอ่อน โดยแต่ละส่วนให้สารอาหารที่แตกต่างกันไป เช่น หัวมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบสำคัญ ใบมีโปรตีนสูง เป็นต้น มันเทศพันธุ์ที่ขายได้ราคาดีนั้นจะผลิตจากสายพันธุ์มันเทศญี่ปุ่นที่มีรสหวาน เนื้อแน่นและเนียนนุ่ม มีสีสันของเปลือกผิวภายนอกและภายใน ทั้ง เหลือง ม่วง และส้ม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และมีสารต้านอนุมูลอิสระแตกต่างกันตามสีของผล เช่น มีสารแอนโธไซยานินในพันธุ์มันเทศสีม่วง และมีสารแคโรทีนอยด์ ในมันเทศหัวสีเหลือง ทำให้มันเทศพันธุ์มันหวานญี่ปุ่นได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ

ด้วยราคาหน้าสวนที่แพงกว่าพันธุ์พื้นบ้าน ทำให้เพื่อนๆ เกษตรกรหันมาปลูกมันเทศญี่ปุ่นมากขึ้น โดยนำมาปลูกแทนการทำนาปรังเพราะใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกข้าวนาปรังถึง 25-50% จากที่ปลูกข้าวนาปรังต้องใช้น้ำประมาณ 1,000-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ แต่ถ้าปลูกมันเทศญี่ปุ่นจะใช้น้ำเพียง 750 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมากนัก และยังขายราคาดีอีกด้วย

การปลูกมันเทศญี่ปุ่น จะต้องปลูกในดินที่ร่วนซุย มีความโปร่งเพื่อระบายอากาศได้ดี เพราะต้องสร้างสิ่งแวดล้อมให้หัวมันใต้ดินเจริญเติบโตเต็มที่ และต้องระบายน้ำได้ดีอีกด้วย ก่อนการปลูกควรมีไถดินพลิกขึ้นมาตากทิ้งไว้ 10 วัน เพื่อกำจัดหญ้าและแมลงศัตรูพืช และเป็นการฆ่าเชื้อที่ปะปนอยู่ในดิน แล้วทำการไถพรวนย่อยดินให้ละเอียด ยกแปลงขึ้น 50 เซนติเมตร เพื่อระบายน้ำได้ง่ายขึ้น

การเลือกยอดพันธุ์ ควรเลือกจากต้นที่มีอายุประมาณ 45-60 วัน ที่มีลักษณะดี มีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร เติบโตเต็มที่ มีอาหารสะสมเพียงพอ เพราะจะได้เติบโตง่าย แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 วัน โดยให้บริเวณโคนของยอดพันธุ์จุ่มอยู่ในน้ำเพื่อเร่งการเกิดราก เมื่อจะปลูกให้ใช้ไม้ขุดนำร่องไปก่อนปักยอดพันธุ์ เพื่อถนอมโคนยอดช้ำไม่ให้เสียหายหรือเน่าตายได้ โดยให้ปลูกเพียงแถวเดียว เว้นระยะของแต่ละต้น 30 เซนติเมตร และให้น้ำในช่วงเดือนแรกเท่านั้น หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะเป็นการให้น้ำ 2-3 ครั้งต่อเดือน หลังจากปลูกประมาณ 3-5 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook