สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ลิ้นจี่ นพ.1 ทางเลือกใหม่ ของเกษตรกร ภาคอีสาน

ลิ้นจี่ ผลไม้เศรษฐกิจชั้นดีอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย มีแหล่งปลูกลิ้นจี่ ใหญ่ๆ อยู่ 2 แหล่ง คือ ภาคเหนือตอนบน และ ภาคกลางเฉพาะ จ.สมุทรสงคราม ส่วนในภาคอื่นๆ การปลูกยังมีน้อย เป็นแบบกระจายตัว อย่างในภาคอีสาน เช่น จังหวัดเลย นครพนม และหนองคาย เป็นต้น

แต่ในปัจจุบัน ลิ้นจี่ กำลังได้รับความสนใจจาก เพื่อนๆ เกษตรกรในภาคอีสาน เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะ มีการพัฒนาสายพันธุ์ ลิ้นจี่ นพ.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะใน จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร เลย หนองคาย และ อุบลราชธานี

โดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ  จ.นครพนม ได้นำพันธุ์มาปลูกศึกษาในพื้นที่ พบว่าสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ขายได้ราคาดี เหมาะที่จะส่งเสริมการปลูก เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร

ลิ้นจี่ นพ.1 เกิดจากการกลายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด ขยายพันธุ์ด้วยวิธีตอนกิ่ง มีจุดเด่นหลักๆ คือ ออกดอก ติดผล สม่ำเสมอทุกปี  โดยออกดอกเดือนธันวาคมและเก็บเกี่ยวกลางเดือนเมษายน   เมื่อต้นลิ้นจี่อายุ 5 ปี มีผลผลิตเฉลี่ย 20 กิโลกรัมต่อต้น และให้ผลใหญ่ ทรงรูปไข่ เปลือกแดงอมชมพู เนื้อผลแห้ง สีขาวขุ่น รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสไม่ฝาด

สภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะกับลิ้นจี่โดยทั่วไป คือ ดินระบายน้ำได้ดีมาก มีค่าpH 5.5-6.5 ต้องการอุณหภูมิ 10-20 องศาเซลเซียส นานติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วงก่อนออกดอกธันวาคม หากพื้นที่ใดมีฝนน้อย ต้องให้น้ำช่วย เพราะความชื้นในดินจำเป็นต่อลิ้นจี่มาก ถ้าลิ้นจี่ขาดความชื้นในดิน  ดอกที่ออกมามักจะแห้งและร่วงมาก

การเตรียมพื้นที่ปลูกลิ้นจี่ มีความสำคัญมาก ถ้าเป็นที่ลุ่มต่ำ ต้องขุดร่องยกแปลงขึ้นเพื่อ ระบายน้ำ เพราะลิ้นจี่ไม่ชอบน้ำขัง แต่ถ้าเป็นที่ดอน ก็ไถพรวนปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ และ ควรมีแหล่งน้ำ

เตรียมหลุมปลูก ขนาดหลุม  50 x 50 x 50 ซม.เว้นระยะปลูก 8 x 8 เมตร จะปลูกได้ 25 ต้นต่อไร่ ใช้ปุ๋ยคอก รองก้นหลุม นำกิ่งพันธุ์ลงปลูกกลบดินโดยรอบให้แน่น ใช้ไม้หลักยึดต้นกล้าเพื่อกันต้นล้ม  ใช้เศษฟางคลุมรอบต้น และ รดน้ำ

ในระยะแรก ควรรดน้ำ 4-5 วัน/ครั้ง เมื่อกล้าพันธุ์มีอายุ 3 ปี  จึงเปลี่ยนมาให้น้ำ สัปดาห์ละครั้ง โดยใช้วิธีไขน้ำเข้าสวน สัปดาห์ละครั้ง โดยกะปริมาณน้ำอย่าให้ท่วมขังนานเกินไป น้ำควรซึมลงดินหมดภายใน 2 วัน และ เมื่อต้นมีอายุได้ 4 ปีขึ้นไป หลังจากหมดหน้าฝน ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ควรงดให้น้ำเพื่อให้ลิ้นจี่สร้างตาดอก ในเดือนธันวาคม เมื่อเห็นเป็นช่อดอกแล้ว จึงเริ่มให้น้ำ 2 สัปดาห์ ต่อ ครั้ง และ ในเดือน มกราคม ให้น้ำเพิ่มเป็น สัปดาห์ละครั้งเหมือนเดิม

ในปัจจุบัน ลิ้นจี่พันธุ์นี้เป็นลิ้นจี่ ชื่อดังของภาคอีสาน ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80 – 100 บาท เมื่ออายุ 5 ปีจะให้ผลผลิตเฉลี่ย 500 กิโลกรัมต่อไร่ (25 ต้น) โดยผลผลิตจะเพิ่มขึ้นไป ตามอายุของต้นลิ้นจี่ ซึ่งนับว่าสร้างรายได้ อย่างเป็นกอบเป็นกำให้แก่เกษตรกรทีเดียว

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook