สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

พันธุ์อ้อยทำน้ำตาล ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง

อ้อยที่ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อทำน้ำตาลนั้นมีพันธุ์ที่แตกต่างกัน แต่ไม่ใช่ว่าพันธุ์อ้อยทั้งหมดจะเหมาะต่อการผลิตน้ำตาลได้เท่ากัน ในบทความนี้ เราจะสำรวจพันธุ์อ้อยทำน้ำตาลชนิดต่างๆ ที่ใช้ทั่วโลก รวมถึงลักษณะเฉพาะและการใช้ประโยชน์

พันธุ์ของอ้อยที่ใช้ทำน้ำตาลกันมากที่สุดทั่วโลก คือ Saccharum officinarum หรือที่เรียกว่า อ้อยทั่วไป หรือ “โนเบิลแคนส์” อ้อยพันธุ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณน้ำตาลสูงและเป็นพันธุ์หลักที่ใช้ในการผลิตน้ำตาลเชิงพาณิชย์ เป็นไม้ยืนต้นที่สูงและแข็งแรงสูงได้ถึง 4 เมตร และทนทานต่อสภาพอากาศที่หลากหลาย จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร “Sugarcane International” (Akarapu et al., 2018) อ้อยพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลกและคิดเป็น 80-90% ของพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งหมด

อ้อยพันธุ์อื่นที่ใช้ในการทำน้ำตาลคือ Saccharum spontaneum หรืออ้อยป่า เป็นพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่ามีใยอาหารสูง แต่โดยทั่วไปแล้วมักนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษและเชื้อเพลิงชีวภาพกันมากกว่า เป็นพันธุ์ที่มีลำต้นที่สั้นกว่าและยืดหยุ่นกว่าซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Bioenergy Research (Tiwari et al., 2019) พันธุ์อ้อยป่านั้นได้รับความนิยมในการปลูกในปริมาณที่น้อยกว่า พบได้ทั่วไปในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้

อ้อย จัดเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการปลูกพันธุ์ Saccharum ลูกผสม หรือที่เรียกว่าอ้อยลูกผสมที่ได้ผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อให้พืชมีผลผลิตที่ดีขึ้น ต้านทานโรค และปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศแต่ละพื้นที่ปลูก พันธุ์อ้อยทำน้ำตาลเหล่านี้จะมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าพันธุ์ดั้งเดิมและกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อยไทย จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Crop Science and Biotechnology (Kittiphan, 2020) พบว่าพันธุ์อ้อยลูกผสมมีศักยภาพในการให้ผลผลิตสูงและสามารถเป็นทางเลือกแทนพันธุ์ดั้งเดิมที่ประสบปัญหาผลผลิตต่ำและเสี่ยงต่อโรคและแมลงศัตรูพืช

แม้ว่าในอดีต อ้อยแต่ละพันธุ์จะถูกนำไปใช้ในการทำน้ำตาลมานานหลายศตวรรษ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความสนใจในการใช้อ้อยเพื่อผลิตเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น แม้ว่าการใช้อ้อยทั้งสองจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ คือ ประเภทของอ้อยที่ใช้ สำหรับการผลิตน้ำตาล โดยทั่วไปแล้วจะใช้อ้อยพันธุ์ที่ให้ปริมาณน้ำตาลซูโครสสูง  ในทางกลับกัน สำหรับการผลิตเชื้อเพลิง มักจะใช้อ้อยชนิดต่างๆ ที่เรียกว่า “อ้อยพลังงาน” ที่มีปริมาณเซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลสสูงกว่า ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น เอทานอล ความแตกต่างอีกประการระหว่างการใช้อ้อยทั้งสองแบบคือกระบวนการแปรรูปอ้อย สำหรับการผลิตน้ำตาล ขั้นแรก อ้อยจะถูกบดเพื่อสกัดน้ำ ซึ่งจะทำให้ใส เข้มข้น และตกผลึกเพื่อผลิตน้ำตาล ในทางตรงกันข้าม สำหรับการผลิตเชื้อเพลิง อ้อยจะถูกสับและฉีกเป็นชิ้นก่อนเพื่อผลิตเป็นกากเส้นใยที่เรียกว่า “ชานอ้อย” จากนั้นชานอ้อยจะถูกนำไปแปรรูปต่อไปเพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น เอธานอล

โดยสรุปแล้ว อ้อยเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และมีการใช้พันธุ์อ้อยที่แตกต่างกันเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน อ้อยทั่วไปถูกใช้เป็นพันธุ์หลักในการทำน้ำตาลเชิงพาณิชย์ ส่วนอ้อยป่าส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตกระดาษและเชื้อเพลิงชีวภาพ และพันธุ์อ้อยลูกผสมกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากผลผลิตและความสามารถในการปรับตัวที่ดีขึ้น ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมน้ำตาลของไทยจึงพร้อมที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook