สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

เฟื่องฟ้า ไม้ประดับดอกสวย

ดอกเฟื่องฟ้า ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Bougainvillea และ Paper Flower เป็นพรรณไม้ดอกไม้ประดับสกุลเดียวกันกับดอกบานเย็น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศบราซิลและอาร์เจนติน่าในทวีปอเมริกาใต้ มีกลีบเลี้ยงของดอกเหมือนใบประดับ จึงถูกเรียกว่า ดอกต่างใบ ในบางพื้นที่  ดอกเฟื่องฟ้าได้รับความนิยมในการนำมาปลูกไว้เพื่อเป็นไม้ประดับ ทำเป็นแนวรั้วและแนวขนานกับทางเดิน และยังใช้เป็นไม้ดัดเป็นซุ้มประตู นอกจากนี้ส่วนของดอกยังสามารถนำมาชุบแป้งทอดรับประทานคู่กับน้ำจิ้ม หรือนำน้ำยำมาราดก็ได้ ให้ทั้งความอร่อยและประโยชน์ด้านสมุนไพร เพราะมีสรรพคุณในช่วยบำรุงเลือดและหัวใจ โดยแพทย์พื้นบ้านได้นำดอกเฟื่องฟ้าตากแห้งมาต้มกับน้ำร้อนดื่มกินเพื่อให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และบางตำรายังนำดอกไปปรุงเข้าตำรับกับสมุนไพรชนิดอื่นอีกด้วย

เฟื่องฟ้าเป็นไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่น ทำให้เติบโตได้ดีในประเทศไทยเรา เป็นพืชทนแล้ง มีความสูงของลำต้นตั้งแต่ 1 เมตรไปจนถึง 12 เมตร เป็นเถาวัลย์กึ่งเลื้อย มีหนามปกคลุมตลอดทั้งลำต้น จะเขียวชอุ่มเมื่อได้รับน้ำมากและเริ่มผลัดใบเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง ใบสีเขียว เนื้อบาง มีความยาว 4-12 เซนติเมตร และกว้าง 2 -6 เซนติเมตร ใบเดี่ยว ลักษณะใบคล้ายรูปใบโพธิ์ โคนโค้งมน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แอบซ่อนหนามไว้ตามซอกใบ ผลิดอกขนาดเล็กมาก แต่ใบจะเปลี่ยนสีเป็นสีสันต่างๆ จนมีลักษณะคล้ายกลีบเลี้ยงของดอก ซึ่งเราเรียกกันว่า ใบดอกที่สีสวย ใบบางเฉียบ ทำให้เป็นพุ่มสีสวย โดยมีสีหลากหลายทั้ง ม่วงเข้ม ม่วงอ่อน แดง แสด ขาว เหลือง ฟ้า แต่ปัจจุบันได้มีการตัดต่อกิ่งจนบางต้นมีหลากสีสันอยู่ในต้นเดียว สามารถออกดอกได้ทั้งปีสำหรับประเทศที่ตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร ซึ่งไทยเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำให้เราได้พบเห็นต้นเฟื่องฟ้าหลากสีได้ตลอดทั้งปี

ต้นเฟื่องฟ้าจะเติบโตได้ดีในดินที่ระบายน้ำได้ดี เช่น ดินร่วน ดินร่วนปนทราย ที่อุดมไปด้วยอินทรียวัตถุ มีค่า pH ตั้งแต่ 6 ขึ้นไป มีแสงแดดจัด ยิ่งได้รับแสงจัด สีสันของใบก็จะยิ่งสดเข้มจัด สีสวย และยังให้ดอกน้อยซึ่งจะทำให้ความงามของต้นไม้ชนิดนี้ลดลงได้ ทั้งนี้สามารถปลูกลงดิน ปลูกลงกระถาง เป็นไม้ที่ทนความแห้งแล้งได้สูง แต่หากมีน้ำขังจะทำให้ต้นไม้ล้มตายได้ แม้จะเป็นต้นไม้ที่ไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อยนัก แต่ควรรดทันทีเมื่อต้นไม้เริ่มเฉาและควรให้ปุ๋ยคอกอย่างน้อยเดือนละครั้ง และควรตัดแต่งกิ่งที่แห้งเหี่ยวออกเสมอ และเมื่อดอกบานเต็มที่แล้วให้ตัดกิ่งเพื่อให้แตกยอดไม้ได้เต็มที่

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook